1. ศาสดา
1.1. ไม่ปรากฏแน่ชัดเพราะเป็นศาสนาที่เก่าที่สุด
1.2. มีพราหมณ์และพระฤาษีในการเผยแพร่ศาสนา
2. เป้าหมายสูงสุด
2.1. การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด คือ อาตมัน ไปรวมกับ ปรมาตมัน เรียกว่า โมกษะ
3. ความเชื่อ
3.1. มษย์มีความไม่เท่าเทียม มีระบบวรรณะ
3.2. การแต่งงานข้ามวรรณะเรียกว่า "จัณฑาล"
4. นิกาย
4.1. แบ่งออกเป็น 3 นิกาย
4.1.1. 1.นิกายไวษณวะ เชื่อในการอวตารของพระนารายณ์ เพื่อช่วยมนุษย์โลกในคราวทุกข์เข็ญ มีการเจิมหน้าผากเป็น3จุด เป็นเครื่องแสดงความเคารพ พระวิษณุ
4.1.2. 2.นิกายไศวะ หรือนิกายนับถือพระศิวะ ใช้มลูเถ้าสีขาวหรือสีเทาเขียนเป็นเส้นนอนตรงซ้อนกัน 3 เส้นที่หน้าผาก
4.1.2.1. พระศิวะเป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายและเทพเจ้าแห่งการสืบพันธุ์ด้วยรู๔ปศิวลึงค์ เป็นรูปอวัยวะเพศของผู้ชายเป็นสัญลักษณ์การให้กำเนิด
4.1.3. 3.นิกายศักติ นับถือมเหสีเทพ3 พระองค์ คือ พระนางสุรัสวดี (พระพรหม) พระนางอุมา (พระศิวะ) พระนางลักษมี (พระวิษณุ) คำว่าศักติ แปลว่า อำนาจ
5. ศาสนสถาน
5.1. “เทวสถาน” หรือที่หลายท่านรู้จักในชื่อ “เทวาลัย” หรือเรียกแบบภาษาอย่างเป็นทางการว่า “โบสถ์พราหมณ์
6. พิธีกรรม
6.1. 1.ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับวรรณะ
6.1.1. การแต่งงาน ผู้แต่งงานต้องแต่งงานในวรรณะเดียวกัน
6.1.2. อาหารการกิน วรรณะนั้นไม่กินอาหารร่วมกันกับคนต่างวรรณะ
6.1.3. เหสถานที่อยู้ ห้ามไปตั้งถิ่นฐานนอกประเทศ
6.2. 2.พิธีประจำบ้าน
6.3. 3พิธีศราทธ์
6.3.1. พิธีทำบุณอุทิศให้กับบิดามารดา ในเดือน10 ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ ถึงแรก15ค่ำ
6.3.1.1. 1.การบูชากระทำด้วยข้าวบิณฑ์ คือก้อนข้าวสุก ผู้กระทำพิธีบรวงสรวงต้องเป็นบุตรชายเพราเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ล่วงลับพ้นจากนรกขุม ปุตตะ
6.3.1.2. 2. การทำบุญอุทิศให้มารดาบิดา ต้องทำเดือนละครั้ง
6.4. 4.พิธีบูชาเทวดา
6.4.1. ชาวฮินดูมีเทพหลายองค์ก่อนพุทธบูชาพระศิวะและพระวิษณุ
6.4.2. ต่อมาเกิดลัทธิอวตาร มีการบูชาพระกฤษณะและพระราม
6.4.3. บุคคลวรรณต่ำมักถูกกีดกันในการนับถือเทพเจ้าของคนวรรณะสูง
6.4.4. ควรรณะต่ำสร้างเทพเจ้าขึ้นเอง คือ เจ้าแม่กาลี เทพลิง เทพงู เทพเต่า
6.4.5. พิธีบูชาแต่ละวรรณะจะแตกต่างกันออกไป
6.5. การทำมาหากิน พราหมณ์มีอาชีพนักบวช หรือครูบาอาจารย์ กษัตริย์ ปกครอง แพศย์ค้าขาย พวกศูทรกรรมกร
7. 1 รามายณะ หรือ รามเกียรติ์
8. 2.ยชุรเวท = บรวงสรวง บูชายัญ
9. ศาสนาพราหมณ์ฮินดู
9.1. เป็นศาสนาประเภท พหุเทวนิยมนับถือพระเจ้าหลายพระองค์
9.2. มีพรเทพเจ้า3 องค์ คือ พระพรหม (สร้าง) พระศิวะ (ทำลาย) พระวิษณุ( รักษา)
9.3. เดิมมีชื่อเรียกว่า " สนาตธรรม" หมายถึง ศานาอันเป็นนิรันดร์
9.4. เกิดจากการเอ่ยนามเทพเจ้า3องค์ อะ+อุ+มะ
10. คัมภีร์ในศาสนา
10.1. ศรุติ
10.1.1. แบ่งออกเป็น 4 คัมภีร์
10.1.1.1. 4. อถรรพเวท = บทสวดเกี่ยวกับเวทมตร์ คาถาอาคม
10.1.1.2. 3. สามเวท = บทสวดมนตร์ ใช้ในพิธีกรรมถวายน้ำโสมแดพระอินทร์
10.1.1.3. 1.ฤคเวท = เก่าแก่ที่สุด บทสวดมนตร์สรรเสริญอ้อนวอนเทพเจ้า
10.2. สมฤติ
10.2.1. แปลว่าสิ่งที่จำไว้ได้
10.2.1.1. ปุราณะ = การกำเนิดเทพเจ้า 3 พระองค์
10.2.1.2. อุปนิษัท = เกี่ยวกับปรัชญาวิญญาณสากล และหลักปฏิบัติมนุษย์
10.2.1.3. ตันตระ = การสนทนาพระศิวะกับพระแม่ทุรคา การสร้างสรรพสิ่ง ความพินาศของโลก
10.2.1.4. อิติหาสะ = มหากาพย์ 2 เรื่อง
10.2.1.4.1. 2. มหาภารตะ เป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลก
10.2.1.5. ธรรมศาตร์ ตำราอธิบายลักษณะกฎหมาย
11. หลักคำสอนสำคัญ
11.1. 1.หลักอาศรม 4 หมายถึง การดำเนินชีวิตของชาวฮินดู ในวัยต่างๆ
11.1.1. อาศรม1 (ปฐมวัย) เรียก พรหมจรรย์อาศรม (วัยเรียน) 8-25
11.1.2. อาศรมที่2 (มัชฌิมวัย) เรียก คฤหัสถาศรม (ครองเรือน) 25-50
11.1.3. อาศรมที่3 (ปัจฉิมวัย) เรียก วานปรัสถาศรม 50-75 (เข้าวัดฟังธรรม)
11.1.4. อาศรมที่4 (สันยัสตาศรม) 75ปีขึ้น ( การออกบวช)
11.2. ปุรุษารถะ4 = จุดมุ่งหมายชีวิต 4 ประการ
11.2.1. ธรรม : ผู้มีธรรม
11.2.2. กาม : การแสวงหาความสุขทางโลกตามหลักธรรม
11.2.3. อรรถ : การแสวงหาทรัพย์สิน
11.2.4. โมกษะ : การหลุดพ้นจากความทุกข์
11.2.4.1. การหลุดพ้น เรียกว่า โมกษคติ ทำโดยปฏิบัติ โยคะ4 หรือมรรค 4 ได้แก่
11.2.4.1.1. 1.กรรมมรรค : ทำหน้าของตนเองด้วยใจสงบ
11.2.4.1.2. 2.ชญานมรรค : ใช้สติปัญญาเพื่อให้รู้แจ้ง
11.2.4.1.3. 3.ภักติมรรค : ความจงรักภักดีต่อเทพเจ้า
11.2.4.1.4. 4.ราชมรรค : ฝึกฝนทางจิตใจอย่างเคร่งครัด