1. ประโยชน์ของโครงงานคอมพิวเตอร์
1.1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
1.2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่ผู้เรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียน ในห้องตามปกติ
1.3. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
1.4. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจในการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีความสนใจที่จะ ประกอบอาชีพทางด้านนี้
1.5. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
1.6. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
1.7. สร้างสำนึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
1.8. ช่วยให้สามารถนำความรู้ ความชำนาญ และทักษะในการนำระบบคอมพิวเตอร์ไปในการ แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น และแก้ปัญหาด้วยตนเอง
2. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
2.1. 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development)
2.1.1. เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อ การศึกษาโดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน
2.2. 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
2.2.1. โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยสร้างงานประยุกต์ต่างๆ
2.3. 3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment)
2.3.1. โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจ าลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้
2.4. 4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
2.4.1. โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริง ในชีวิตประจ าวัน
2.5. 5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
2.5.1. โครงงานพัฒนาเกมเป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน
3. ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
3.1. กิจกรรมที่ผู้เรียนศึกษาตามความสนใจ โดยใช้ทักษะและ ประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์และการใช้ซอฟต์แวร์ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยนักเรียนต้อง วางแผนการ ด าเนินงาน ศึกษาและพัฒนาโปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ค าตอบหรือผลงาน ตามต้องการอย่างมีขั้นตอน
4. ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
4.1. 1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจจะทำ
4.1.1. โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือ ความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
4.2. 2. การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
4.2.1. ช่วยให้ผู้เรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนด ขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม
4.3. 3. การจัดทำข้อเสนอโครงงาน
4.3.1. โดยทั่วไปการทำข้อเสนอโครงงาน คอมพิวเตอร์มีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
4.3.1.1. 1.ศึกษาค้นคว้าเอกสารอ้างอิง และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิ
4.3.1.2. 2.วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกำหนดขอบเขตและลักษณะของโครงงานที่จะพัฒนา
4.3.1.3. 3.ออกแบบการพัฒนา มีการกำหนดลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และตัวแปลภาษา โปรแกรม และวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้กำหนดคุณลักษณะของผลงาน ระบุเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดตารางการปฏิบัติงาน
4.3.1.4. 4.ทำการพัฒนาโครงงานขั้นต้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น
4.3.1.5. 5.จัดทำและเสนอข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคำแนะนำและ ปรับปรุงแก้ไข
4.4. 4. การลงมือทำโครงงาน
4.4.1. 1.การเตรียมการ
4.4.2. 2.การลงมือพัฒนา
4.4.3. 3.การตรวจสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจ าเป็น
4.4.4. 4.การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
4.4.5. 5.แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
4.5. 5. การเขียนรายงาน
4.5.1. เมื่อทำโครงงานจนได้ข้อมูลอย่างเพียงพอและทำการวิเคราะห์ผล และสรุปผลแล้ว ขั้นตอนต่อไป ที่ต้องทำคือการจัดทำรายงาน ซึ่งจะรวมถึงรายละเอียดต่างๆ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียนรายงาน นั้น ผู้เรียนควรใช้ภาษาที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อ ต่างๆให้ครบถ้วนตามรูปแบบที่กำหนด
4.6. 6.การนำเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน
4.6.1. การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อ แสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีที่ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น