Foundation of research

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
Foundation of research by Mind Map: Foundation of research

1. จำเเนกตามการกระทำ

2. Research Questions

2.1. 3 ลักษณะ

2.1.1. คำถามเชิงพรรณนา

2.1.2. คำถามเชืงความสัมพันธ์

2.1.3. คำถามเชิงเปรีบยเทียบ

3. จรรยาบรรณของนักวิจัย

3.1. พึงมีความรับผิดชอบทุกระดับ

3.2. พึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น

3.3. ต้องมีอิสระทางความคิด ปราศจากอคติ

4. วัตถุประสงค์การเรียนรู้

4.1. เปรีบยเทียบประเภทของการวิจัยต่างๆได้

4.2. ระบุขั้นตอนของการวิจัยได้

4.3. เขียนโครงร่างวิจัยได้

5. จุดมุ่งหมายของการวิจัย

5.1. มุ่งหาคำตอบเพิ่อมาใช้เเก้ปัญหา

5.2. ศึกษาจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวเเปรเหตุเเละผล

5.3. เก็บรวบรวมข้อมูลหรือปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มาใช้สรุปผล

6. คุณลักษณะงานวิจัย

6.1. ใช้เครื่องมื่อ

6.2. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์

6.3. กำหนดจุดมุ่งหมาย

7. ประเภทของการวิจัย

7.1. จำเเนกตามลักษณะขอบเขตของข้อมูล

7.2. จำเเนกตามลักษณะวิชา

7.3. ต้องใช้ศักยภาพของผู้วิจัย

7.4. จำเเนกตามเวลาที่ใช้ในวิจัย

7.5. จำเเนกตามเป้าหมายวิจัย

8. สอดคล้องจุดมุ่งหมาย

9. 5.การเขียนเค้าโครงการวิจัย

10. การจัดกระทำข้อมูล

10.1. Input

10.2. Process ing

10.3. การสรุปผลวิจัยเเละการเขียนรายงาน

10.3.1. บทนำ

10.3.2. ตรวจสอบเอกสาร

10.3.3. วิธีการดำเนินการวิจัย

10.3.4. ผลการวิจัย

10.4. Output

11. ตัวเเปรเเละสมมติฐาน

11.1. ตัวแปร

11.1.1. ความหมาย

11.1.1.1. เป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต

11.1.1.2. คุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่ต้องการจะศึกษาหาความจริง

11.1.2. ลักษณะและชนิดของตัวแปร

11.1.2.1. ลักษณะของตัวเเปร

11.1.2.1.1. Concept

11.1.2.1.2. Constructi

11.1.2.2. ชนิดของตัวเเปร

11.1.2.2.1. Independent variable

11.1.2.2.2. Dependent variable

11.1.2.2.3. Extraneous variable

11.1.3. การนิยามตัวเเปรเเละการหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง

11.1.3.1. การหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง

11.1.3.1.1. Empirical approach ใช้กับ constucrt

11.1.3.2. Constitutive definition ใช้กับ concept

11.1.3.3. การนิยามตัวเเปร

11.1.3.3.1. Operation definition

11.2. สมมติฐาน

11.2.1. ลักษณะ

11.2.1.1. ความสัมพันธ์ของตัวเเปรตั้งเเต่ 2 ขึ้นไป

11.2.2. ประเภท

11.2.2.1. Research hypothesis

11.2.2.1.1. Directional

11.2.2.1.2. Nondirectional

11.2.3. ลักษณะสมมติฐานที่ดี

11.2.3.1. ตอบคำถามประเด็นเดียว

11.2.3.2. มีขอบเขตไม่กว้างไม่เเคบจนเกินไป

11.2.4. เป็นการเเก้ไขปัญหา

11.2.5. เเหล่งที่มาของสมมติฐาน

11.2.5.1. การศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

11.2.5.2. ประสบการณ์

11.2.5.3. การสังเกต

12. Meaning of research

12.1. สามารถตรวจสอบได้

12.2. มีขั้นตอนที่ชัเจน

12.3. กระบวนการเเสวงหาความรู้ที่มีระบบ

13. เเนวคิดพื้นฐานของการวิจัย

13.1. Deterministic Law of Nature

13.1.1. เมื่อมีเหตุ

13.1.2. ต้องมีผล

13.2. Systematic Law of nature

13.2.1. เกิดขึ้นตามกฎของเหตุธรรมชาติ

13.3. Associative Law of Nature

13.3.1. ปรากฏการณ์ต่างกัน

13.3.2. ตัวเเปรเหตุต่างกัน

13.3.3. ตัวเเปรผลต่างกัน

13.4. Principle Compoment of Nature

13.4.1. ตัวเเปรสาเหตุเเละตัวเเปรผลไม่ไดเป็นความสัมพันธ์เชิงเดียว

13.4.2. มีตัวเเปรอื่นๆที่มักจะเกี่ยวข้องเสมอ

13.5. Probabiliistic Law of Nature

13.5.1. ความรู้จริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

14. ธรรมชาติของงานวิจัย

14.1. มีวิธีที่หลากหมาย

14.2. มีการเก็บรวมรวบข้อมูลใหม่

14.3. Validity

14.4. Reliable

14.5. Reasonable

15. ขั้นตอนการวิจัย

15.1. 1.เลือกหัวข้อปัญหา

15.2. 2.กำหนดขอบเขต

15.3. 3.ศึกษาเอกสารเเละผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

15.4. 4.กำหนดสมมติฐาน

15.5. 6.การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล

15.6. 7.ดำเนินการเก็บข้อมูล