1. LQ
1.1. หัวใจสำคัญ ในความเห็นของ Jack Ma มองว่า IQ EQ สำคัญมาก แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ Jack Ma กล่าวคือ LQ " Q of Love "
2. ที่มา
2.1. ปัญหาที่จะเกิดในปี 2020 คือการที่ไม่สามารถคาดการสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยน Mind set จึงต้องมีสิ่งที่ "เลิกทำและเริ่มทำ" ได้แล้ว
3. สิ่งที่ควร "เลิกทำ"
3.1. เลิกสั่ง
3.1.1. เลิกสั่งจากความคิดของตัวเอง ลดอีโก้ลง
3.2. เลิกทำคนเดียว
3.2.1. การทำอะไรคนเดียวอาจจะอยู่รอดได้ยาก เพราะคนเก่งไม่ได้มีแค่เราเพียงคนเดียว
3.2.2. เลิกคิดแต่กำไร
3.2.2.1. เลิกทำเสร็จแล้วจบ
3.2.2.1.1. การทำงานแบบจบไปแล้วไม่ได้นำมาต่อยอดความคิดใหม่ๆ เราจะเสียทักษะประสบการณ์ในชิ้นงานนั้นไปฟรีๆ
3.2.2.2. เลิกคิดแต่จะเอากำไรอย่างเดียว แต่ทำยังไงไม่ให้ธุระกิจของเราไม่สร้างผลเสียต่อโลก
3.2.2.2.1. เลิกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ลูกค้าไม่ไช่พระเจ้าแต่เราควรให้เขาเป็นจุดศูนย์กลาง
3.3. เลิกรู้ทุกสิ่ง
3.3.1. เมื่อไรที่เรารู้ตัวว่าเรารู้ทุกสิ่ง เท่ากับว่าเรากำลังปิดกันโอกาศความรู้ของตัวเอง และเรามักจะติดอยู่กับกรอบความคิดเดิมๆ
3.4. เลิกกลัวความล้มเหลว
3.4.1. เรียนมาแค่ไหนถ้าไม่ลงมือทำ เราก็ไม่มีวันเข้าใจปัญหา
3.5. เลิกทำสิ่งเดิม
3.5.1. โลกในอนาคต จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เมื่อไรที่เราคิดแบบเดิมเราก็จะได้ผลรับแบบเดิม
3.6. เลิกยึดติด
3.6.1. ถ้าเรายึดยิตกับสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เราจะประสบความสำเร็จได้ ในยุคนี้
3.7. เลิกเก่งอย่างเดียว
3.7.1. การถนัดด้านใดด้านหนึ่ง จะทำให้ทำงานกับคนอื่นยาก
3.8. เลิกคิดถึงแต่ปัญหา
3.8.1. ในอนาคตปัญหาจะเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอทุกวัน ที่ไหนไม่มีปัญหาที่นั้นไม่มีทางที่จะโอกาศทางธุระกิจ
3.9. เลิกเอาตัวเองเป๋นใหญ่
3.10. เลิกมองโลกขาวดำ
3.10.1. เรามักติดอยู่กรอบเดิมๆ ความสำเร็จเดิมๆ และมองโลกเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นการฟังคนอื่นมากขึ้นจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ และเข้าใจโลกยิ่งขึ้น
3.11. เลิกแบ่งเวลางานไปทำชีวิต
3.11.1. เราสามารถแบ่งความสัญของสิ่งควรทำได้ แต่เราไม่ควรที่จะกำหมดเวลาในการจะทำอะไรสักอย่าง เนื่องจากมันจะทำให้เราเหนื่อยเปล่าๆ
3.12. เลิกรักที่จะเรียนรู้อย่างเดียว
3.12.1. ถ้าเรามุ่งแต่จะประสบความสำเร็จ มันจะทำให้เราขาดความสัมพันธ์ที่ดี
4. Mind Set 2020 สิ่งที่ควนเลิกทำและเริ่มทำ
5. Key Word
5.1. Corporations
5.1.1. การทำงานร่วมกันกับคู่แข่ง ควรจะมีคลื่นความถี่เดียวกันหรือมีทัศนะวิสัยเดียวกัน ให้ความสำคัญตรงกันและก็ต้องมีสิ่งที่ไม่ตรงกันเช่น กลุ่มลูกค้า ความถนัด
5.2. Lifelong Learning
5.2.1. การเรียนรู้ตลอดชีวิต
5.3. Fail fast Fail cheap Fail forward
5.3.1. ทำให้ถูก ทำให้เล็ก ทำให้เร็ว คิดแล้วเริ่มลงมือทำไปเลย และทำให้เกิดปัญหา เพื่อที่จะได้เรียนรู้ปัญหาแล้วหาทางออก
5.4. Agile
5.4.1. การปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญ แต่การยึดตามแผนจะทำให้เราล้มเหลว
5.5. Peter Ferdinand Drucker
5.5.1. ได้กล่าวไว้ว่า คนที่ฉลาดที่สุดไม่ใช่คนรู้ว่าควรทำอะไร แต่คือคนที่ว่า"อะไรไม่ควรทำ"
5.6. Prioritize
5.6.1. การจัดลำดับความสำคัญ
5.6.1.1. 1) ปัญหาที่สำคัญ และด่วน
5.6.1.2. 2) ปัญหาที่สำคัญ แต่ไม่ด่วน
5.6.1.3. 4) ปัญหาที่ไม่สำคัญ และไม่ด่วน
5.7. Empathize
5.7.1. 3) ปัญหาที่ไม่สำคัญ แต่ด่วน
5.7.2. การเอาใจใส่ การให้ลูกค้าเป็นจุดศุนย์กลางจะให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายและรวดเร็ว
5.8. Feedback Loop
5.8.1. ข้อเสนอแนะ ถ้าเราไม่มีข้อเสนอเเนะเราไม่มีทางที่จะพัฒนาต่อไปได้
5.9. I wish I learned I wonder
5.9.1. วิธีการในการ feedback การกลับมาถามหลังจากชิ้นงานนั้นผ่านไปแล้ว
5.10. Diversity
5.10.1. ความหลากหลาย ยิ่งที่ได้ความหลากหลายเท่าไรเรายิ่งได้ไอเดียที่ดีที่สุดไปเรื่อยๆ ถ้าเราเปิดรับความหลากหลายยิ่งทำให้เราเข้าใจคนได้มากขึน
6. 4 C Skill ที่ทุกคนควรจะมี
6.1. Communication
6.1.1. การสื่อการ ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้องกรค์ไม่สามารถดำเนินงานได้คือการไม่สื่อสารกัน ดังนั้นการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่ทุกคนควรมี
6.2. Corporations
6.2.1. การทำงานร่วมกัน ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีอยู่น้อยคนที่จะประสพความเร็จเพียงเพราะตัวคนเดียว ยิ่งในปัจจุบันโลกไม่สามารถคาตการได้ดังนั้นการร่วมมือกันจึงเป็นทางออกอีกหนึ่งทางที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน
6.3. Creativition
6.3.1. การสร้างสรรค์ ในตอนนี้โลกค้องการความคิดใหม่ๆดังนั้นเราจึงต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับงาน ข้อสำคัญของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่คือ " การเลิกทำสิ่งเดิมๆ และเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ "
6.4. Complexity
6.4.1. การแก้ไขปัญหา ทักษะการเตรียมรับมือและแก้ใขปัญหาที่ซับซ้อนก็เป็นทักษะที่สำคัญในยุคนี้ ซึ่งยุคปัจจุบันเราจะไม่ได้เจอปัญหาเพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวปัญหาอื่นๆก็กำลังจะเกิดขึั้น ดังนั้นเราควรฝึกที่จะเรียนรู้และแก้ใข้ปัญหาต่างๆที่จะกำลังจะเกิดขึ้น
7. สิ่งที่ควร "เริ่มทำ"
7.1. เริ่มฟัง
7.1.1. เริ่มฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากขึ้น ฟังความหลายหลาย ที่ทำให้เราพัฒนาตัวเอง
7.2. เริ่มทำด้วยกัน
7.2.1. รวมต้องรวมมือกัน ทำงานกันเป็นทีมมากขึ้นเพราะเราจะแก้ปัญหาง่ายขึ้นเมื่อทำงานร่วมกัน
7.3. เริ่มเรียนรู้ทุกอย่าง
7.3.1. ต้องเรียนรู้สม่ำเสมอ ตลอดเวลาและควรทำเป็นนิสัย เพื่อที่จะตามโลกได้ทัน
7.4. เริ่มกล้าลองผิดลองถูก
7.4.1. การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือ "การลงมือทำ " ยิ่งได้ทำได้ยิ่งรู้ว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุด
7.5. เริ่มทำสิ่งใหม่
7.5.1. ถ้าเราไม่ลองทำอะไรใหม่ๆ เราจะไม่มีโอกาศที่จะได้รับผลตอบรับแบบใหม่ๆเช่นกัน
7.6. เริ่มยืดหยุ่น
7.6.1. เป็นการตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
7.7. เริ่มแกร่งหลายทาง
7.7.1. ในยุคนี้เราเก่งอย่างเดียวไม่พอ เราต้องมีทักษะอื่นๆด้วย เพื่อที่จะอยู่ในยุคนี้อย่างสบาย
7.8. เริ่มคิดแก้ปัญหา
7.8.1. คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ จะไม่ได้คิดถึงแค่ปัญหาที่จะเกิด แต่จะคิดถึงวิธีแก้ปัญหาไปด้วย แล้วมองให้ออกถึงปัญหาที่แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้
7.9. เริ่มเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
7.9.1. ในยุคนี้ไม่ได้วัดกันที่เก่งไม่เก่งแต่ใครตอบสนองลูกค้าได้เร็วและตรงจุด
7.10. เริ่มคิดเอาใจใส่โลก
7.10.1. ในโลกยุคใหม่ คนเริ่มให้ความสำคัญกับการักษาสิ่งแวตล้อมมากขึ้น
7.11. เริ่มทำต่อเนื่อง
7.11.1. ในอนาคตเราควรเอางานที่จบมาพัฒนาต่อ ต่อยอดความคิดจากงานที่ผ่านมาเพื่อที่จะได้เกิดไอเดียใหม่ๆ
7.12. เริ่มมองโลกหลากหลาย
7.12.1. ความหลากหลายทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้เกิดความคิดที่หลายหลาย ซึ่งนำไปสู่ไอเดียที่ดีที่สุด
7.13. เริ่มเต้นรำไปทำกับมัน
7.13.1. การที่เรายึดติดกับการบริหารเวลาของเรามากเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาศดีๆไปหลายอบ่าง
7.14. เริ่มเรียนรู้ที่จะรัก
7.14.1. เป็นสิ่งที่จะให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข และคนรอบข้างเราก็จะมีความสุขไปด้วย