Digital Literacy... เพือชีวิตการเงินดีในยุคดิจิทัล

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
Digital Literacy... เพือชีวิตการเงินดีในยุคดิจิทัล by Mind Map: Digital Literacy...  เพือชีวิตการเงินดีในยุคดิจิทัล

1. บัตรเดบิต บัตรเดบิต (Debit Card) คือ บัตรที่ธนาคารออกให้โดยผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร ซึ่งสามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และ จ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านบัตรเดบิตนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเอทีเอ็ม คือ บัตรที่ธนาคารออกให้กับผู้เปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อใช้สำหรับบริการในเรื่องการถอน ฝาก โอนเงินระหว่างบัญชี ผ่านตู้บริการอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า ตู้เอทีเอ็มนั้นเอง ทั้งนี้ บัตรเอทีเอ็ม จะผูกพันกับเงินในบัญชีโดยตรง ผู้ถือบัตรจะถอน หรือโอนเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่มีในบัญชีเท่านั้นบัตรเครดิต บัตรเครดิต คือ สินเชื่อบุคคลธรรมดา โดยธนาคารจะให้เงินจำนวนหนึ่งตามที่ธนาคารกำหนด และคุณก็สามารถใช้สินเชื่อนั้นได้ทุกๆ เดือน ภายในวงเงินดังกล่าวเพื่อ ซื้อสินค้า บริการต่างๆ แต่มีเงื่อนไขว่า คุณจะต้องทำการจ่ายเงินที่นำไปจับจ่ายซื้อของเหล่านั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมกับต้องเสียดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด หรือพูดง่ายๆ ธนาคารจ่ายให้ก่อน พอครบ 30 วัน คุณก็ต้องไปจ่ายคืนธนาคาร ซึ่งรูปแบบของบัตรเครดิตคือสินเชื่อส่วนบุคคลระยะสั้นนั้นเอง

2. จุดเด่นของบริการ มั่นใจและปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับสากล อุ่นใจ.... ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยกับบริการ Online Banking คุณสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัย ต้องใช้ Login ID และ Password ในการเข้าสู่บริการทุกครั้ง Sการเข้ารหัสข้อมูลด้วย SSL ระดับ 128 บิท การรองรับเว็บไซต์ธนาคาร ฯ โดยบริษัท Cybertrust เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ากำลังทำธุรกรรมทางการเงินกับ เว็บไซต์ Online Banking อยู่จริงและปลอดภัย การติดตั้ง Firewall หลายชั้นป้องกันภัยจากผู้บุกรุก เพิ่มระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Online Banking อีกชั้นด้วยนโยบาย 2FA (2 Factor Authentication) โดยให้มีการยืนยันตัวตนของลูกค้าอีกครั้งด้วยรหัสผ่าน OTP (One Time Password) หรือ รหัส eTAC ซึ่งเป็น Password ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยธนาคาร ฯ จะทำการส่งรหัส eTAC ให้คุณตามหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่แจ้งไว้ในรูปแบบของ SMS

3. พร้อมเพย์ (PromptPay) เป็นบริการชำระเงินแบบ ANY ID ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติของรัฐบาล ประกอบไปด้วยธนาคารพาณิชย์จำนวน 15 แห่งและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐจำนวน 4 แห่งลงนามเข้าร่วม โดยธนาคารจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าใช้บริการ พร้อมเพย์ (PromptPay) ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป แต่จะมีธนาคารบางแห่งเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ผ่านช่องทางต่างๆ ตามความพร้อมของแต่ละธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ตู้เอทีเอ็ม, อินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้ง, โมบายแบงค์กิ้ง หรือที่สาขาธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ และจะสามารถใช้งานด้านธุรกรรมได้จริงในช่วงเดือน ตุลาคม 2559 ก่อนที่จะมีแผนขยายนอกเหนือจากการโอนเงินไปสู่บริการธุรกรรมอื่นๆ อย่าง การจ่ายบิลต่างๆ เป็นต้น

4. R Code มาจากคำว่า "Quick Response Code" ซึ่งเป็นรหัสที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Barcode ให้สามารถใช้งานง่ายขึ้น แถมยังเก็บข้อมูลได้มากกว่า เพียงแค่เรามีสมาร์ทโฟนก็สามารถสแกนข้อมูลผ่าน QR Code ได้แล้ว ทำให้จะเห็นว่าปัจจุบันนิยมนำ QR Code มาเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่างเช่นการเพิ่มเพื่อนใน Line ที่เราทุกคนต่างคุ้นเคยกันอย่างดี ก็เป็นหนึ่งในความสามารถของ QR Code เช่นกัน ด้วยความสามารถของ QR Code ที่กล่าวมานั่นเอง ทำให้ในหลายประเทศมีการพัฒนา QR Code มาเป็นสื่อกลางเพื่อชำระสินค้า โดยใส่ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการจ่ายเงินซื้อสินค้า และนำมาใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชันในมือถือที่เชื่อมต่อกับบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธนาคารของเรา ซึ่งเป็นการชำระเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีการใช้ QR Code อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกจากการซื้อ-ขาย-เช่าสินค้าแล้ว ยังมีการสแกน QR Code แจกแต๊ะเอียลูก ๆ หลาน ๆ ในวันตรุษจีน, ให้เงินเป็นของขวัญแต่งงาน หรือแม้แต่ให้ทิปพนักงาน ให้เงินขอทาน ก็ยังใช้ QR Code เพราะใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดเลย