1. คุณลักษณะ
1.1. On-demand self-service
1.1.1. ต้องสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ
1.2. Broad Network Access
1.2.1. ต้องสามารถเข้าถึงได้จากที่ใดก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัด
1.3. Resource Pooling
1.3.1. ต้องสามารถนำทรัพยากรมารวมกันและใช้งานร่วมกันได้
1.4. Rapid Elasticity
1.4.1. ต้องมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเพิ่มลดทรัพยากรได้ทันที
1.5. Measured Service
1.5.1. ต้องสามารถวัดปริมาณการใช้งานได้ และสามารถคิดค่าใช้งานได้ตามการใช้งานจริง
2. นิยาม
2.1. เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณในปัจจุบัน ความซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากความไม่เป็นระเบียบของข้อมูล ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นจากการลงทุน ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ การดูแลรักษา จึงทำให้เกิด Cloud Computing ขึ้นมาเพื่อทดแทนและแก้ไขความซับซ้อนของข้อมูลเหล่านี้
3. ประโยชน์
3.1. ประหยัดการลงทุนทรัพยากรคอมพิวเตอร์
3.2. สามารถสร้างระบบใหม่ขึ้นมาทันที
3.3. เพิ่มขนาดทรัพยากรได้ง่ายดายและรวดเร็ว
3.4. เข้าถึงบริการได้จากทุกที่
3.5. ดปัญหาการดูแลระบบ
4. แบ่งตามรูปแบบการให้บริการ
4.1. Infrastructure as a Service (IaaS)
4.1.1. โครงสร้างพื้นฐานมีทั้งหน่วยประมวลผล ระบบเครือข่าย และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้ใช้งาน
4.2. Platform as a Service (PaaS)
4.2.1. การใช้งานเกี่ยวกับแพลตฟอรม์ต่างๆ
4.3. Software as a Service (SaaS)
4.3.1. การใช้งานทางด้านซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน ซึ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ให้ใช้งาน
5. แบ่งตามรูปแบบการใช้งาน
5.1. Private Cloud
5.1.1. การใช้งานภายในองค์กร ผู้ใช้บริการเป็นผู้บริหารจัดการระบบ สามารถปรับเปลี่ยนระบบต่างๆได้ด้วยตนเอง
5.2. Community Cloud
5.2.1. บริการ Cloud แบบกลุ่ม ประกอบไปด้วย Private Cloud ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป ซึ่งมีการกำหนดข้อตกลงและแชร์ข้อมูลร่วมกัน
5.3. Public Cloud
5.3.1. บริการเข้าถึงข้อมูลผ่านเครือข่ายสาธารณะ ให้บริการผ่านเครือข่ายสาธารณะ ประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ
5.4. Hybrid Cloud
5.4.1. เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud โดยการนำข้อดีของแต่ละบริการมารวมกัน