หลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C++
by ณัฐกิตติ์ กันทรักษา
1. ภาษา C++
1.1. ภาษา C++ ถูกพัฒนาขึ้นมาเมื่อปี ค.ส. 1983 ที่ Bell laboratories โดย BajarneStroudstrup ภาษาc++ ถูกพัฒนามาจากภาษา C และมีการเพิ่มความสามารถของภาษา C++ให้สามารถเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
2. การติดตั้งคอมไพเลอร์ C++
2.1. คอมไพเลอร์เป็นโปรแกรมประเภทหนึ่งทีมีหน้าที่แปลงโค้ดที่เราเขียนด้วยภาษาต่างๆ
2.2. การติดตั้งคอมไพเลอร์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ปกติจะเขียนโค้ดหรือคำสั่งต่างๆ ด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า edotor เช่น notepad แล้วทำการแปลงภาษาเขียนที่เป็นภาษาเครื่องโดยคอมไพเลอร์ (compiler)
3. รูปแบบการเขียนโปรแกรมแบบฟังก์ชัน
3.1. การเขียนโปรแกรมฟังก์ชัน เป็นการเขียนโปรแกรมรูปแบบหนึ่งที่ใช้ในการประมวลฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
3.2. Encapsulate หมายถึงการห่อหุ้ม เกิดจากแนวคิดเชิงวัตถุ(object) ควรแยกโค้ดส้วนเชื่อมต่อ (lnterface)
3.3. lnheritance หมายถึงการสืบทอดความสามารถและคุณสมบัติ
3.4. Polymorphism หมายถึง การพ้องรูป เป็นแนวคิดที่จะทำให้วัตถุที่สร้างขึ้นมาใหม่สามารถจะใช้การทำงานของวัตถุที่เป็นต้นแบบได้
4. รูปแบบการเขียนโปรแกรม C++
4.1. จะเขียนโปรแกรมโดยการเรียกแต่ละชุดคำสั่งของโปรแกรมที่เรียกว่าฟังก์(Fuction) หรือในโปรแกรมภาษาอื่นอาจจะเรียกว่าโปรแกรมย่อยหรือชุดคำสั่งย่อย(Procedure)
5. รูปแบบการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง
5.1. เป็นการเขียนโปรแกรมโดยยึดหลักการเขียนโปรแกรมแบบแยกหน่วยย่อยตามหน้าที่แล้ว รวบรวมหน่วยย่อยเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นโครงสร้างสอดคล้องสัมพันธ์กัน
5.2. หลักการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง การเรียงลำดับ เป็นการประมวลผลการทำงานว่าสมควรจะทำอย่างไร การเลือก เป็นการเลือกจำยนวนของชุดคำสั่งที่ใช้ในการประมวลผลโปรแกรม การทำซ้ำ โปรแกรมจะทำการประมวลชุดคำสั่งๆไปเรื่อยๆ
6. รูปแบบการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
6.1. เนื่องจากภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีอยู่มากมายแต่ะภาษามีวัตถุประสงค์การนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน เช่นภาษาแอสเซมบลี ใช้ในการเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องจักร ภาษา Basic และ C ใช้ในการเรียนการสอนเขียนโปรแกรม ภาษา COBAL ใช้ในการเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงผลข้อมูลทางธุรกิจ ภาษา HTML ใช้ในการเขียนโปรแกรมแสดงผลบนหน้าเว็บ ภาษา SQL ใช้เขียนโปรแกรมเพื่อดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล
7. ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์
7.1. ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีด้วยกัน5อย่างคือ
7.2. 1 ภาษาเครื่องเป็นภาษาต่ำสุดเพราะใช้เลขฐานสองแทนข้อมูลและคำสั่งอื่นๆ
7.3. 2.ภาษาแอสเซมบลีใช้รหัสเป็นคำแทนคำสั่งภาษาเครื่องทำให้นักเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น
7.4. 3.ภาษาระดับสูงถือว่าเป็นภาษายุคที่สาม ตัวแปลภาษาที่นิยมใช้งานกันโดยทั่วไปเป็นแบบคอมไพเลอร์ซึ่งแต่ละภาษาก็มีคอมไพเลอร์ไม่เหมือนกัน
7.5. 4.ภาษาระดับสูงมากเป็นภาษายุคที่4 จะเป็นภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมได้สั้นกว่าในยุคก่อนๆภาษาในยุคที่ 4 นี้ยังมีภาษาที่ใช้สำหรับเรียกดูข้อมูลจากฐานข้อมูลได้เรียกว่าค้นข้อมูล ที่เป็นมาตราฐานเรียกว่า SQL (Structured Query Language)
7.6. 5.ภาษาธรรมชาติเป็นภาษายุคที่5หรือ 5GLs ธรรมชาติหมายถึงธรรมชาติของมนุษย์คือไม่ต้องสนใจถึงคำสั่งหรือลำดับของข้อมูลที่ถูกต้อง