แนวคิดพื้นฐานทางสถิติ
by 604_06 นายธนกร ทิพย์มณี
1. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
1.1. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ มี 3 วิธี
1.1.1. 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจ (Survey) เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยอาศัยวิธีการ ตอบแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การทดสอบ หรือการสังเกตการสำรวจแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ 1. การสำมะโน (Census) เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยในประชากรที่สนใจศึกษา 2. การสำรวจด้วยตัวอย่าง (Sample Survey) เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเพียงบางหน่วย ของประชากร
1.1.2. 2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการทดลอง (Experiment) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการวางแผนการทดลองแล้วทำการทดลองตามที่กำหนด และรอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์
1.1.3. 3. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากระบบทะเบียนหรือการบันทึก เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการบันทึกและการทะเบียนของหน่วยงาน เช่น ข้อมูลทะเบียนราษฎร ข้อมูลทะเบียนประวัตินักเรียน วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหนังสือ รายงาน บทความหรือเอกสารต่างๆ วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิการเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิซึ่งอาจท าได้โดยการสำมะโนหรือสำรวจ สามารถทำได้หลายวิธีแต่วิธีที่นิยมใช้กันทั่ว ๆ ไปมี4 วิธีคือ 1) การสัมภาษณ์ 2) การสอบถามทางไปรษณีย์ 3) การสอบถามทางโทรศัพท์ 4) การสังเกต
2. การเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1. การเก็บรวบรวมข้อมูล หมายถึง กระบวนการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์ โดยข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาอาจประกอบด้วยข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ และเป็นทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ
3. ประเภทของข้อมูล
3.1. ประเภทของข้อมูลอาจแบ่งออกได้หลายประเภทดังต่อไปนี้ 1. แบ่งประเภทข้อมูลตามวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท 1.1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) หมายถึง ข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูล ขึ้นเอง เช่น การเก็บแบบสอบถาม การทดลองในห้องทดลอง 1.2 ข้อมูลทุติยภูมิ (Second Data) หมายถึง ข้อมูลที่ผู้ใช้นำมาจากหน่วยงานอื่น หรือผู้อื่นที่ได้ทำการเก็บรวบรวมมาแล้วในอดีต เช่น รายงานประจำปีของหน่วยงานต่างๆ ข้อมูลท้องถิ่นซึ่งแต่ละอบต.เป็นผู้รวบรวมไว้ ฯลฯ 2. แบ่งประเภทข้อมูลตามระดับการวัด สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท 2.1 ข้อมูลระดับนามบัญญัติ (Nominal Scale) หมายถึง ข้อมูลที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก เช่น เพศ อาชีพ ศาสนา ผิวสี ฯลฯ ไม่สามารถนำมาจัดลำดับ หรือนำมาคำนวณได้ 2.2 ข้อมูลระดับอันดับ (Ordinal Scale) หมายถึง ข้อมูลที่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ แล้วยังสามารถบอกอันดับที่ของความแตกต่างได้ แต่ไม่สามารถบอกระยะห่างของอันดับที่แน่นนอนได้ หรือไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าอันดับที่จัดนั้นมีความแตกต่างกันของระยะห่างเท่าใด เช่น อันดับที่ของการสอบของนักศึกษา อันดับที่ของผู้เข้าประกวดนางสาวไทย ฯลฯ 2.3 ข้อมูลระดับอันตรภาค (Interval Scale) หมายถึง ข้อมูลที่มีช่วงห่าง หรือระยะห่างเท่าๆกัน สามารถวัดค่าได้แต่เป็นข้อมูลที่ไม่มีศูนย์แท้ เช่น อุณหภูมิ คะแนนสอบ ระดับผลการเรียน ฯลฯ 2.4 ข้อมูลระดับอัตราส่วน (Ratio Scale) หมายถึง ข้อมูลที่มีมาตราวัดหรือระดับการวัดที่สูงที่สุด คือ นอกจากสามารถแบ่งกลุ่มได้ จัดอันดับได้ มีช่วงห่างของข้อมูลเท่าๆกันแล้ว ยังเป็นข้อมูลที่มีศูนย์แท้ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะทาง รายได้ จำนวนต่างๆ ฯลฯ 3. แบ่งประเภทข้อมูลตามลักษณะของข้อมูล สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้ 3.1 ข้อมูลเชิงปริมาณ คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขที่ใช้แทนขนาดหรือปริมาณที่วัดออกมา สามารถนำมาเปรียบเทียบข้อมูลได้ เช่นอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก รายได้ ฯลฯ 3.2 ข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็นจำนวนได้แต่อธิบายลักษณะของข้อมูลนั้น ๆ เช่น เพศ ระดับการศึกษา ฯลฯ
4. ความหมายของสถิติ
4.1. สถิติ (Statistics) อาจพิจารณาได้ 3 ความหมาย คือ • สถิติ หมายถึง ตัวเลขที่ใช้บรรยายเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริง (facts) ของเรื่องต่างๆ ที่เราต้องการศึกษา เช่น สถิติจำนวนผู้ป่วย สถิติจำนวนคนเกิด สถิติจำนวนคนตาย เป็นต้น • สถิติ หมายถึง ศาสตร์หรือวิชาที่ว่าด้วยหลักการและระเบียบวิธีทางสถิติ สถิติใน ความหมาย นี้มักเรียกว่า สถิติศาสตร์ (Statistics) • สถิติ หมายถึง ค่าที่คำนวณขึ้นมาจากตัวอย่าง เพื่อแสดงถึงคุณลักษณะบางอย่างของข้อมูลชุดนั้น โดยทั่วไปจะนำค่าสถิติไปใช้ในการประมาณค่าพารามิเตอร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราสนใจรายได้เฉลี่ยของคนในหมู่บ้าน แล้วเราสามารถนำรายได้ของทุกคนมา รวมกันแล้วหาค่าเฉลี่ยของรายได้ ค่าเฉลี่ยที่คำนวณได้นี้ถือว่าเป็นค่าพารามิเตอร์ แต่ถ้าเราสุ่มตัวอย่างคนในหมู่บ้านมาจำนวนหนึ่งแล้วคำนวณรายได้เฉลี่ย ค่าเฉลี่ยที่ได้นี้จะเป็นค่าสถิติ
5. ประเภทของสถิติ
5.1. นักคณิตศาสตร์ได้แบ่งสถิติในฐานะที่เป็นศาสตร์ออกเป็นสาขาใหญ่ ๆ 2 สาขาด้วยกัน คือ สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และการอนุมานเชิงสถิติ หรือ สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) ซึ่งแต่ละสาขามีรายละเอียดดังนี้ 1.สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) หมายถึง การบรรยายลักษณะของข้อมูล (Data) ที่ผู้วิจัยเก็บรวบรวมจากประชากรหรือกลุ่มตัวอย่างที่สนใจ ซึ่งอาจจะแสดงในรูป ค่าเฉลี่ย มัธยฐาน ฐานนิยม ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความแปรปรวน เป็นต้น 2.สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) หมายถึง สถิติที่ว่าด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่ออธิบายสรุปลักษณะบางประการของประชากร โดยมีการนำทฤษฎีความน่าจะเป็นมาประยุกต์ใช้ สถิติสาขานี้ ได้แก่ การประมาณค่าทางสถิติ การทดสอบสมมุติฐานทางสถิติ การวิเคราะห์การถดถอยและสหสัมพันธ์ เป็นต้น
6. ความสำคัญของสถิติ
6.1. สถิติเบื้องต้นสำคัญต่อการทำงาน ต่อการเรียน ต่อการทำโครงงานการใช้สถิติก็ช่วยในการประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นใช้ในการสำรวจไม่ว่าจะเป็นงาน ข้อมูลข่าวสาร การสำรวจโพล การเก็บข้อมูลนักเรียน การเก็บข้อมูลของโรงเรียน การเก็บข้อมูลของพนักงานในบริษัท และการเก็บข้อมูลต่างๆ สถิตติเบื้องต้นก็เป็นการคิดอีกแบบหนึ่งที่จะสร้างความรวดเร็วให้กับคนทำงานการทำข้อมูลต่างๆขององค์กรและอีกอย่างปัจจุบันก็ได้มีการหาข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเลขเกี่ยวกับประชากรมากยิ่งขึ้นสถิติจึงจำเป็นต่อการใช้งานเพื่อความสะดวกสบาย