1. ความหมายของพอลิเมอร์
1.1. สารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และมีโมเลกุลมากประกอบด้วยหน่วยเล็กๆ ของสารที่อาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันซึ่งต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
1.2. มอนอเมอร์ คือ สารตั้งต้นที่ใช้เตรียมพอลิเมอร์ส่วนใหญ่เป็นสารไม่อิ่มตัวขนาดเล็กๆ
2. พอลิเมอร์วัลคาไนเซชัน
2.1. ผลิตภัณฑ์ที่ได้
2.1.1. ยางสังเคราะห์เกิดจากพอลิเมอร์
2.1.2. กำมะถันไปช่วยเชื่อมระหว่างโซ่ของพอลิเมอร์โซพรีน
2.1.3. ยาง S.B.R เกิดจากการพอลิเมอร์ไรโซชันระหว่างสไตรีนกับบิวตาไดอีน
3. ชนิดของพอลิเมอร์ แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
3.1. พิจารณาตามแหล่งกำเนิดแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
3.1.1. พอลิเมอร์ธรรมชาติ ได้แก่ แป้ง เซลลูโลส ไคติน เป็นต้น
3.1.2. พอลิเมอร์สังเคราะห์ ได้แก่ พลาสติก โพรพิลีน สไตรีน เป็นต้น
3.2. พิจารณาตามมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
3.2.1. 🔺โฮโมพอลิเมอร์ (พอลิเมอร์เอกพันธ์) ประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC)
3.2.2. 🔺โคพอลิเมอร์ (พอลิเมอร์ร่วม) ประกอบด้วยมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น ไนลอน โปรตีน พอลิเอไมด์ ยาง (SBR)
4. พอลิเมอร์ไรเซชัน
4.1. พอลิเมอร์แบบควบแน่น
4.1.1. -ได้มอนอเมอร์และโมเลกุลขนาดเล็ก -มอนอเมอร์ที่มีฟังก์ชั่นมากกว่า 1 สารหลายชนิด
4.2. พอลิเมอร์แบบเติม
4.2.1. -ได้พอลิเมอร์อย่างเดียวไม่เจือปน -บริเวณเดียวกันจับคู่กันด้วยพันธะคู่
5. โครงสร้างของพอลิเมอร์
5.1. โครงสร้างแบบเส้น ~~~~~~~~~~~~~ ~~~~~~~~~~~~~
5.1.1. -มอนอเมอร์ต่อกันยาวเป็นโซ่ -มีความหนาแน่ จุดหลอมเหลวสูง -มีความยืดหยุ่นมาก อ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน -เชือก,PVC,ขวดน้ำ
5.2. โครงสร้างแบบกิ่ง ~~~√~~~√~~~~ ~~~~√~~~√~~~
5.2.1. -โซ่กิ่งแยกออกจากโครงสร้างหลัก -พอลิเมอร์ไม่เรียงชิดติดกัน -มีความหนาแน่น จุดหลอมเหลวต่ำ -มีความยืดหยุ่นน้อย อ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน -ถุงใส่ของร้อน
5.3. โครงสร้างแบบร่างแห ~~~~~~|~~~~~|~~ ~~|~~~~~~|~~~~~
5.3.1. -มอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันอย่างน้อย 2 หมู่รวมกัน -แข็งแรงและเหนียวมาก -ไม่ยืดหยุ่น ถูกความร้อนไม่อ่อนตัวแตกร้าว -เปราะหักง่าย -เบกาไลต์,เมลามีน
6. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพอลิเมอร์
6.1. พลาสติก
6.1.1. แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
6.1.1.1. 🔺เทอร์โมพลาสติก -อ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน -แข็งตัวติดไฟได้ -หลอมกลับมาใช้ใหม่ได้ -โครงสร้างแบบเส้นและแบบกิ่ง -PE,PP,PS,PVC
6.1.1.2. 🔺เทอร์มอเซตพลาสติก -คงรูปดี -ไม่อ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน -ถูกไฟไหม้จะแตกเป็นรอย -ไม่สามารถหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้ -โครงสร้างแบบร่างแห -เมลามีน,ซิลิโคน,เบกาไลต์,ยูรีเทน
6.2. เส้นใย
6.2.1. แบ่งได้ 3 ชนิด คือ
6.2.1.1. เส้นใยธรรมชาติ
6.2.1.1.1. -เส้นใยเซลลูโลส : ฝ้าย ปอ ลินิน -เส้นใยโปรตีน : ขนสัตว์ เช่น ขนแกะ ขนแพะ -เส้นใยไหม : รังไหม -เส้นใยหิน : แร่หินต่างๆ ข้อดี คือ ระบายอากาศได้ดีสวมใส่สบาย ข้อเสีย คือ ดูดซึมน้ำได้ดี ยับง่าย แห้งช้า ไม่ทนต่อเชื้อราสารเคมี
6.2.1.2. เส้นใยสังเคราะห์
6.2.1.2.1. สังเคราะห์ 100% อนุภาคเป็นระเบียบกว่าเส้นใยธรรมชาติ ผลิตมาใช้กับงานหลายประเภท เช่น ไนลอน (พอลิเอไมด์), พอลิเอสเทอร์,โอริน (พอลิอะคริโลไนไตรล์) คือ ไม่ยับง่าย ไม่ซับน้ำ แห้งเร็ว ทนต่อเชื้อรา ระบายความร้อนได้ดี
6.2.1.3. เส้นใยกึ่งสังเคราะห์
6.2.1.3.1. เส้นใยธรรมชาติทำปฏิกิริยากับพอลิเมอร์ไรเซชันกับสารเคมี คุณภาพดีกว่าเส้นใยธรรมชาติ เช่น เซลลูโลสแอซีเตต,ไนโตรเซลลูโลส,เรยอน -เซลลูโลสแอซีเตต สามารถนำมาผลิตแผ่นพลาสติกทำแผ่นสวิตซ์และฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า -เรย่อน ใช้อุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีคุณสมบัติคล้ายกับขนสัตว์
6.3. ยาง
6.3.1. แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
6.3.1.1. ยางธรรมชาติ
6.3.1.1.1. ต้นยางพารา น้ำยาง เป็นของเหลวสีขาว ชื่อ พอลิโฮโซพรีน
6.3.1.2. ยางสังเคราะห์
6.3.1.2.1. สังเคราะห์จากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและพอลิเมอร์ มีโครงสร้างสามารถนำมาเป็นสินค้าหรือเส้นใยได้
7. พลาสติกรีไซเคิล
7.1. PETE
7.1.1. -ใส มองทะลุได้ -แข็งแรงทนทาน,เหนียว
7.1.1.1. ขวดน้ำดื่ม,ขวดน้ำปลา, ขวดน้ำมันพืช
7.2. HDPE
7.2.1. -ความหนาแน่นสูง -นิ่ม,เหนียว -ไม่แตกง่าย
7.2.1.1. -ขวดแชมพู,ขวดนม -ถุงร้อนชนิดขุ่น
7.3. PVC
7.3.1. -แข็งแรงและนิ่ม -ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้ -สีสันสวยงาม
7.3.1.1. -ท่อ PVC -สายยาง
7.4. LDPE
7.4.1. -มีความหนาแน่นต่ำ -นิ่มกว่า HDPE,เหนียว -ยืดตัวได้,ใส
7.4.1.1. -ทำแผ่นฟิล์ม -พลาสติกห่ออาหาร
7.5. PP
7.5.1. -ความหนาแน่นต่ำ -แข็งแรงเหนียว,คงรูป -ทนความร้อนสารเคมี
7.5.1.1. -ถุงร้อนชนิดใส -จาน,ชาม -อุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิด
7.6. PS
7.6.1. -ใส -แข็งแรงแต่เปราะแตกง่าย
7.6.1.1. โฟม
7.7. อื่นๆ
7.7.1. ถังน้ำ