1. การค้าระหว่างประเทศ
1.1. สาเหตุ
1.1.1. 1. ความแตกต่างทางด้านกายภาพ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาติ
1.2. ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ
1.2.1. 1. ประเทศผู้นำเข้าได้สินค้าที่ผลิต ได้มาสนองความต้องการในราคาที่ถูกและคุณภาพดี
1.2.2. 2. ประเทศผู้ส่งออกสามารถขยายตลาดสินค้าของตนให้กว้างมากขึ้น และมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
1.3. ดุลการค้าระหว่างประเทศ
1.3.1. 1. ดุลการค้าระหว่างประเทศ คือ การเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าออกกับมูลค้าสินค้าเข้าในระยะเวลา 1 ปี
1.3.2. 2. ดุลการค้าแบ่งได้ออก 3 ลักษณะ
1.3.2.1. ดุลการค้าสมดุล คือ มูลค่าสินค้าออกเท่ากับมูลค่าสินค้าเข้า
1.3.2.2. ดุลการค้าขาดดุล คือ มูลค่าสินค้าออกน้อยกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
1.3.2.3. ดุลการค้าเกินดุล คือ มูลค่าสินค้าออกมากกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
1.4. นโยบายการค้าระหว่างประเทศ
1.4.1. นโยบายการค้าเสรีมีลักษณะสำคัญคือส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศกระทำกันได้อย่างเสรีโดยรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องน้อยมาก
1.4.1.1. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำคือเลือกผลิตเฉพาะสินค้าที่ประเทศมีความชำนาญในการผลิต
1.4.1.2. ไม่มีการเก็บภาษีเพื่อคุ้มกัน แต่เก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้ของรัฐ
1.4.1.3. ไม่มีการให้สิทธิพิเศษหรือไม่มีข้อ จำกัด ทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ
1.4.2. นโยบายการค้าคุ้มกันมีลักษณะสำคัญคือรัฐบาลใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อกีดกันการนำสินค้าเข้าออก
1.4.2.1. กำแพงภาษีคือเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง
1.4.2.2. การควบคุมปริมาณสินค้าเข้าและออก
1.4.2.3. การให้ความอุดหนุนเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศและส่งเสริมสินค้าออกเช่นยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าออก
2. การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
2.1. อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
2.1.1. ความสำคัญของการแลกเปลี่ยนอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลต่อสินค้าเข้า สินค้าออกและดุลการค้า
2.1.2. ถ้ามีการลดค่าเงินของประเทศ
2.1.2.1. ราคาสินค้าออกจะถูกลงในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าออกมีปริมาณเพิ่มขึ้น
2.1.2.2. ราคาสินค้าเข้าจะแพงขึ้นในสายตาคนในประเทศทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณลดลง
2.2. ถ้ามีการเพิ่มค่าเงินของประเทศ
2.2.1. ราคาสินค้าออกจะแพงขึ้นในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าออกมีปริมาณลดลง
2.2.2. ราคาสินค้าเข้าจะถูกลงในสายตาคนในประเทศ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น
3. ระบบอัตราแลกเปลี่ยน
3.1. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ : รัฐกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับคงที่เป็นเวลานาน
3.2. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกกับเงินสกุลอื่น ๆ : รัฐกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ แต่เปิดโอกาสให้ปรับอัตราแบบค่อยเป็นไปได้บ้างในกรณีที่ขาดดุลการชำระเงินมาก
3.3. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนกึ่งลอยตัว: รัฐจะเข้าไปซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการได้บ้าง
3.4. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเสรีหรือลอยตัว: รัฐจะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอย่างเสรีโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
3.5. ระบบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา : รัฐเข้าแทรกแซงโดยควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินจากต่างประเทศ
4. ส่วนประกอบของดุลการชำระเงิน
4.1. บัญชีเดินสะพัดประกอบด้วยบัญชีดุลการค้าบัญชีดุลบริการและบัญชีดุลบริจาค (ดุลเงินโอน)
4.1.1. ดุลการค้า: แสดงมูลค่าสินค้าออกและสินค้าเข้า
4.1.2. ดุลบริการ : แสดงมูลค่าบริการระหว่างประเทศ
4.1.3. ดุลบริจาค: (ดุลเงินโอน) แสดงการรับและให้เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
4.2. บัญชีทุนเคลื่อนย้าย: รายการลงทุนหรือกู้เงินข้ามชาติ
4.3. บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ : เป็นยอดสรุปของดุลการชำระเงิน
5. การแก้ไขปัญหาดุลการชำระเงินขาดดุล
5.1. การเพิ่มรายได้
5.1.1. ชักจูงให้ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวหรือลงทุนมากขึ้น
5.2. การลดรายจ่าย
5.2.1. ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัด
5.2.2. ลดการสั่งสินค้าเข้าโดยใช้มาตรการต่างๆ เช่นตั้งกำแพงภาษี
5.3. อื่น ๆ
5.3.1. ลดค่าเงินประเทศของตน
5.3.2. กู้ยืมจากต่างประเทศ
6. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
6.1. เขตการค้าเสรี
6.1.1. ประเทศสมาชิกยอมเลิกภาษีศุลกากรและข้อจำกัดการค้าให้แก่กัน
6.1.2. ไม่ออกที่ออกประเทศได้เป็นสมาชิกยังคงพบกับภาษีศุลกากรและข้อจำกัด ทางการค้า (ซึ่งประเทศสมาชิกแต่ละประเทศกำหนดกันเอง)
6.2. สหภาพศุลกากร
6.2.1. ประเทศสมาชิกยอมเลิกภาษีศุลกากรและข้อ จำกัด ทางการค้าแก่กัน
6.2.2. ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกยังต้องพบกับภาษีศุลกากรและข้อ จำกัด ทางการค้าซึ่งประเทศสมาชิกจะร่วมกันกำหนดเป็นอัตราเดียวกัน
6.3. ตลาดร่วม
6.3.1. เปิดโอกาสให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าบริการและปัจจัยการผลิตเข้าออกระหว่างประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี
6.3.1.1. ประชาคมยุโรป (EC)
6.4. สหภาพเศรษฐกิจ
6.4.1. เหมือนกับตลาดร่วมนอกจากนี้ประเทศสมาชิกยังร่วมกันกำหนดนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม
6.4.1.1. สหภาพยุโรป (EU)
6.5. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอย่างเศรษฐกิจ
6.5.1. นอกจากเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตได้อย่างเสรีและกำหนดนโยบายเศรษฐกิจร่วมกันแล้วยังใช้เงินอัตราสกุลเดียวกันด้วย
6.5.2. มีสถาบันสูงสุดซึ่งทำหน้าที่สูงกว่าสถาบันระดับประเทศ (รัฐสภากลาง) การรวมกลุ่มแบบนี้จึงเป็น “ การรวมกลุ่มทางการเมืองอย่างสมบูรณ์”
7. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทั่วไป
7.1. ธนาคารโลก (World Bank)
7.1.1. ธนาคารโลกมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาทางด้านการเงินและวิทยาการโดยผ่านสถาบันในเครือเช่นไอด้าไอเอฟซี
7.1.2. ด้านการเงิน: ธนาคารโลกจะทำให้เงินกู้ระยะยาวที่มีดอกเบี้ยเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนานำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจ
7.1.3. ด้านวิทยาการ: ธนาคารโลกมีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศลูกหนี้
7.1.3.1. เสนอให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
7.1.3.2. เสนอแนวนโยบายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
8. ปัญหาการค้าระหว่างประเทศของประเทศกำลังพัฒนา
8.1. สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรและวัตถุดิบที่มีราคาต่ำสินค้าเข้าเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีราคาสูงทำให้ขาดดุลการค้าอย่างมาก
8.2. สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นกับฤดูกาลทำให้ได้ผลผลิตน้อยและบางครั้งก็ได้ผลผลิตมากจนราคาตก
8.3. สินค้าเกษตรถูกกีดกันจากประเทศพัฒนาแล้ว
8.3.1. เช่น สหรัฐฯออกกฎหมายพระราชบัญญัติฟาร์ม (ให้เงินอุดหนุนสินค้าเกษตรของตนให้ราคาต่ำกว่าตลาดโลก)