1. ผู้ป่วยอาศัยตัวอยู่ในเขตชุมชน มีลักษณะเป็นห้องเเถวติดกันหลายห้อง ตัวบ้านตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพื่อนบ้านเเละตลาด สามารถเดินไปมาหาสสู่กับเพื่อนบ้านเเละปั่นจักรยานไปตลาดได้
2. สิ่งแวดล้อม
3. การพยาบาล
3.1. การป้องกันระยะเเรก
3.1.1. การลดความเครียดทำให้ผู้ป่วยระบายสิ่งที่อยากพูด ให้กำลังใจ พูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิด คุยกับเพื่อนผ่านโซเซียลมีเดียเเละคนไข้ในครอบครัว ทำกิจกรรมง่ายๆในครอบครัวมากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
3.2. การป้องกันระยะที่สอง
3.2.1. การป้องกันการเจ็บปวดจากเเผลบริเวณหน้าท้องเเละมีเเผลกดทับ
3.2.1.1. การปรับเปลี่ยนท่านอนใหม่ทุกๆ 2 ชม.ใช้อุปกรณ์ป้องกันการเจ็บปวดลดเเรงกดทับเสริม เช่น ใช้ฟูกโฟม ผ้าหนุนรอง
3.2.1.2. การดูเเลรักษาบริเวณความเเห้งเเละเปียกชื้นที่มีเนื้อตายบริเวณเเผล
3.3. การป้องกันระยะที่สาม
3.3.1. การป้องกันภาวะเเทรกซ้อนเเละกลับเป็นซ้ำ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยปรับตัวให้กับโรคที่เป็นอยู่ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดูเเลเเผลหน้าท้องเเละเเผลกดทับเป็นประจำ ทานยาตามเเพทย์สั่งเเละเข้ารับการรักษากับเเพทย์อย่างต่อเนื่อง
4. ชอบไปทำบุญที่วัดในวันสำคัญทางศาสนาชอบอ่านหนังสือธรรมมะหนังสือพัฒนาจิต
5. ก่อนเจ็บป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง มักเดินทางไปสถานทีต่างๆจึงพักผ่อนน้อย นอนดึก ตื่นเช้า ไม่มีอาหารที่ชอบรับประทานพิเพษ ส่วนใหญ่ทานอาหารรสไม่จัด ขณะเจ็บป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ นอนวันละ 10-12 ชม. ปัสสาวะด้วยการใส่สายสวนปัสสาวะ ถ่ายอุจจาระวันละ 1 ครั้ง การเจ็บป่วยในครั้งนี้ผู้ป่วย เข้ารับการรักษากับเเพทย์อย่างต่อเนื่อง
6. ด้านจิตวิญญาณ
7. บุคคล
7.1. ด้านร่างกาย
7.2. ผู้ป่วยหญิงอายุ42ปีรูปร่างผอม ผิวขาวเหลืงมีไข้แผลกดทับบริเวณก้นกบลึกถึงกระดูก โรคหลักมีการทะลุของลำไส้ร่วมกับคอเลคชั่นในช่องท้องโรคร่วมเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง ภาวะเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นประสาทไขสันหลังอักเสบและอุดตันหลอดเลือดถ้าส่วนลึกของหลอดเลือดภายในอุ้งเชิงกราน
7.3. ด้านจิตใจ
7.3.1. ผู้ป่วยเป็นคนขยันทำงาน ชอบอ่านหนังสือ หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาทางจิต
7.4. ด้านสังคม
7.4.1. ผู้ป่วยชอบไปปฎิบัติธรรมกับเพื่อนๆบ่อย คุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดีย เดินไปมากับเพื่อนบ้านปฏิเสธการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การใช้สารเสพติด
7.5. ด้านการพัฒนา
7.5.1. ร่างกาย
7.5.1.1. ผู้ป่วยมีแผลบริเวณหน้าท้องหนองในเพิ่มมากขึ้นใต้ราวนมชาไม่รู้สึก ทั้งยังมีโรคประจำตัวอยู่มากทำให้ร่างกายการพัฒนาของผู้ป่วยไม่เหมาะสม/ไม่ดีขึ้น
7.5.2. จิตใจ
7.5.2.1. ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวและการเจ็บป่วยอยู่มาก ทำให้ไม่สามารถไปเรียนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ เหตุการณ์นี้ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจมากจึงต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย ทั้งยังวิตกกังวลเร่องค่าใชจ่าย ผู้ป่วยเชื่อว่าการเจ็บป่วยครั้งนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่แน่นอนในชีวิต แต่โชคดีมีเพื่อนช่วยเหลือ ทำให้รู่สึกผ่อนคลาย
7.5.3. สังคม
7.5.3.1. ก่อนเจ็บป่วยผู้ป่วยชอบไปปฏิบัติธรรมกับเพื่อนบ่อยๆคุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดียหลังเจ็บป่วยผู้ป่วยไม่สามารถใช้ชีวิตกับเพื่อนได้ปกติ แต่ก็ยังมีเพื่อนคอยช่วยเหลือทั้งยังมีความใกล้ชิดกับเพื่อนมากขึ้น