1. อาการและอาการแสดง
1.1. คลำพบก้อนในท้อง
1.2. ปัสสาวะเป็นเลือดหรือตรวจพบเม็ดเลือดในปัสสาวะ
1.3. ความดันโลหิตสูง
1.4. ปวดท้อง
1.5. อ่อนเพลีย
1.6. ซีด
1.7. มีไข้
1.8. มีอาการของการแพร่กระจายของโรคไปที่ปอด เช่นไอ เหนื่อย หายใจลำบาก
1.9. อาการที่พบร่วมด้วย
1.9.1. มีอาการตัวโตครึ่งซีก (hemihypertrophy)
1.9.2. ความผิดปกติของ ระบบทางเดินปัสสาวะ
1.9.2.1. รูเปิดของท่อปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าปกติ (hypospadias)
2. การวินิจฉัย
2.1. การซักประวัติ
2.1.1. อายุของเด็ก
2.1.2. การพบก้อนในท้อง
2.1.3. อาการที่พบร่วมด้วย
2.1.3.1. การปัสสาวะเป็นเลือดสด น้ำหนักลด
2.2. การตรวจร่างกายทุกระบบ
2.2.1. พบอาการและอาการแสดง
2.2.1.1. มีไข้
2.2.1.2. ซีด
2.2.1.3. อ่อนเพลีย
2.2.1.4. ปวดในท้อง
2.2.1.5. ปัสสาวะเป็นเลือด
2.2.1.6. ความดันโลหิตสูง
2.3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
2.3.1. การตรวจเลือดอาจพบจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ
2.3.2. การตรวจโดยการฉีดสารทึบแสงเข้าในหลอดเลือดดำเพื่อขับออกที่ไต (intravenous pyelogram, IVP)
2.3.3. CT scan , renal biopsy, ultra sound
3. การรักษา
3.1. ผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออก โดยบางรายอาจได้รับเคมีบำบัดก่อน เพื่อลดขนาดก้อนให้เล็กลง
3.2. รังสีรักษา ที่บริเวณตำแหน่งของไต
3.3. ให้เคมีบำบัด ชนิดของยาที่ได้ผล คือ acinomycin D, vincristine, doxorubicin
4. ต้องแยกระหว่าง Wilms’ tumor กับ neuroblastoma
4.1. Wilms’ tumor เป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไตจะทำให้urinary collecting system ถูกดันออกไป
4.2. neuroblastoma เป็นก้อนอยู่นอกไตทำ ให้ไตถูกดันให้ย้ายที่แต่collecting system ไม่บิดเบี้ยว
5. การพยาบาล
5.1. ระยะก่อนผ่าตัด
5.1.1. เขียนป้าย ห้ามคลำท้อง
5.1.2. ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต
5.1.3. ประเมินการทำงานของไต
5.2. ระยะหลังผ่าตัด
5.2.1. ประเมินการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
5.2.2. ระวังและหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ไตได้รับอัน ตรายเพิ่มขึ้น
5.2.3. ดูและประคับประคองสภาพจิตใจแก่บิดามารดา