1. ไม้สังเคราะห์พลาสติก (Wood Plastic Composite)
1.1. ไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นปานกลาง (Medium-density fiber board)
1.1.1. ผลิตจากการบดท่อนไม้เนื้ออ่อนให้เป็นเส้นใย ผ่านกระบวนการอัดประสานกันเป็นชิ้นไม้ด้วยกาว
1.1.2. คล้ายไม้อัดเป็นแผ่นบาง ขึ้นรูปง่าย
1.2. พาร์ติเคิลบอร์ด (Particle board)
1.2.1. ผลิตจากเศษไม้หรือขี้เลื่อย ประสานกันด้วยสารเคมี
1.2.2. ราคาถูก สวยงาม แต่มีความแข็งแรงน้อย และอายุการใช้งานสั้นกว่าไม้อัด
2. ไม้ (WOOD)
2.1. ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Wood Fiber Composite)
3. วัสดุสมัยใหม่ (MODERN MATERIAL)
3.1. วัสดุนาโน ผลิตขึ้นเพื่อปรับปรุงวัสดุให้มีสมบัติขึ้นหรือเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ผลผลิตทางด้านนาโนเทคโนโลยีมาประยุกต์ เช่น
3.1.1. ท่อนาโนคาร์บอน (Carbon nanotube)
3.1.2. อนุภาคนาโนไททาเนียมไดออกไซด์ (Nano-TiO2)
3.1.3. เส้นใยนาโน (Nano Fiber)
4. โลหะ (METAL)
4.1. โลหะประเภทเหล็ก (Ferrous metall)
4.1.1. มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก
4.1.2. มีความแข็งแรง ปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนรูปร่างและรูปทรงได้หลายวิธี
4.2. โลหะประเภทไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferrous metall)
4.2.1. ไม่มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ (ไม่เกิดสนิม)
5. วัสดุประสม (COMPOSITE)
5.1. วัสดุเชิงประกอบพอลิเมอร์ (Polymer Matrix Composite : PMC)
5.1.1. เป็นการเสริมแรง โดยเติมเส้นใยเสริมแรง ทำให้วัสดุผสมที่ได้มีความแข็งแรง ทนแรงดึง หรือแรงกดทับได้สูง
5.1.2. เส้นใยมีสมบัติแข็งแรง ทนแรงดึงได้สูง ไม่เป็นสนิม ทนต่อการกัดกร่อน เป็นฉนวนความร้อนที่ดี ใช้ผลิต
5.2. วัสดุเชิงประกอบโลหะ (Metal Matrix Composite : MMC)
5.3. วัสดุเชิงประกอบเซรามิก (Ceramic Matrix Composite : CMC)
5.3.1. ผสมสารเสริมแรง เพื่อทำให้มีความเหนียวและทนทานมากขึ้น สารเสริมเป็นรูปเส้นใย