
1. ประโยชน์ของการคิดอย่างเป็นระบบ
1.1. ช่วยให้เราเข้าใจว่าชีวิตมีการเปลี่ยนเเปลงตลอดเวลา
1.2. ทำให้เราเริ่มคิดว่าผลการกระทำของตนเองจะมีผลกระทบระยะสั้นเเละระยะยาวต่อระบบอย่างไรบ้าง
2. ประเภท ทฤษฎีระบบ รูปเเบบทฤษฎีระบบ
2.1. ประเภทของระบบ
2.1.1. ระบบปิด
2.1.2. ระบบเปิด
2.2. ทฤษฎีระบบ
2.3. รูปเเบบทฤษฎีระบบพื้นฐาน
2.3.1. ปัจจัยนำเข้า
2.3.2. กระบวนการเเปรสภาพ
2.3.3. ผลผลิต
2.3.4. ข้อมูลย้อนกลับ
2.3.5. สิ่งเเวดล้อม
3. ความหมาย
3.1. วิธีการคิดอย่างมีระบบ มีเหตุมีผล ทำให้ผลของการคิด หรือผลของการแก้ปัญหาที่ได้นั้นมีความถูกต้อง แม่นยา และรวดเร็ว
4. กระบวนการคิดแบ่ง 3 กลุ่มใหญ่ ๆ
4.1. กลุ่มที่ 1 ทักษะความคิด หรือทักษะการคิดพื้นฐาน ที่มีขั้นตอน การคิดไม่ซับซ้อน
4.2. กลุ่มที่ 2 ลักษณะการคิด หรือการคิดขั้นกลาง/ระดับกลาง เป็นการคิดที่มีลักษณะการคิด แต่ละลักษณะอาศัยการคิดขั้นพื้นฐานมากบ้างน้อยบ้าง
4.3. กลุ่มที่ 3 กระบวนการคิดหรือการคิดระดับสูง คือ มีขั้นตอนในการคิดซับซ้อนและต้องอาศัย ทักษะความคิดและลักษณะความคิดเป็นพื้นฐานในการคิดกระบวนการคิดมีอยู่หลายกระบวนการ เช่น กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการตัดสินใจ
5. ลักษณะวิธีการคิดอย่างเป็นระบบ
5.1. คิดอย่างมีหลักการ
5.2. คิดอย่างมีเหตุผล
5.3. คิดอย่างมีการจัดระเบียบ
5.4. คิดอย่างมีรูปแบบ
5.5. คิดอย่างมีกรอบ
5.6. คิดอย่างมีวัตถุประสงค์
6. แนวคิดเกี่ยวกับวิธีคิดอย่างเป็นระบบ
6.1. ความสามารถของบุคคลที่แสดงออกถึงการพิจารณาปัญหา หรือสิ่งต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน ทำความเข้าใจ โดยคำนึงถึงองค์ประกอบทั้งหมด การคิดอย่างเป็นระบบ สามารถช่วยให้การออกแบบการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย
7. แนวคืดการคิดอย่าเป็นระบบ
7.1. การคิดอย่างเป็นระบบเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง และมีความสัมพันธ์ กับความคิดหลายแบบ เช่น การคิดขั้นสูง การคิดเชิงวิทยาศาสตร์ การคิดเหตุผล โดยเชื่อมโยงส่วนประกอบย่อยๆ อย่างสัมพันธ์ เป็นขั้นตอน
8. หลักการคิดหรือการแก้ปัญหาอย่างมีระบบ
8.1. 1. กำหนดประเด็นปัญหาให้ถูกต้อง อาจกาหนดได้เป็น ปัญหาหลัก และปัญหารอง
8.2. 2. ระบุตัวแปรทั้งหมด ที่ทำให้เกิดปัญหา
8.3. 3. กำหนดวิธีแก้ไขหรือพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ อาจมีมากกว่า 1 วิธี
8.4. 4. เปรียบเทียบวิธีแก้ไข แต่ละวิธี และประเมินดูว่าวิธีการใดสามารถจะนำไปสู่การปฏิบัติได้ และจะนำไปสู่การบรรลุผลตามเป้าหมาย
8.5. 5. เลือกวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด
8.6. 6. นำไปทดลองปฏิบัติ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม
8.7. 7. ติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด
8.8. 8. แก้ไขเปลี่ยนแปลงจุดที่พกพร่องในวิธีการปฏิบัติงาน
8.9. 9. กำหนดมาตรฐานวิธีปฏิบัติงาน
8.10. 10. สั่งการให้พนักงานปฏิบัติงานตามมาตรฐานที่กาหนดอย่างเคร่งครัด
9. ความสำคัญของการคิดอย่างเป็นระบบ
9.1. ช่วยให้เกิดความคิดเพื่อพัฒนาองค์กรในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.2. ประสานงานร่วมกับบุคคลอื่นให้เป็นไปตามกระบวนการ และระบบการบริหารงานภายใน
9.3. สามารถแก้ปัญหาตัดสินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.4. แก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.5. เพื่อมองเห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับระบบภายในองค์กรอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงติดต่อกัน และสามารถแก้ไขสถานการณ์เอย่างมีประสิทธิภาพ
10. การเกิดขึ้นของการคิด
10.1. เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์สัมผัส หรือปฎิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆที่อยู่แวดล้อม ซึ่งอาจเป็นข้อมูลข่าวสาร จากการสัมผัสด้วยประสาทสัมผัสกระบวนการทางสมอง ทำให้มนุษย์เกิดการรับรู้ กระตุ้นให้มนุษย์หาทางปรับตัว เพื่อให้เกิดความสมดุล
11. ระบบและรูปแบบการคิด มี 7 รูปแบบ คือ
11.1. 1. Lateral Thinking
11.1.1. การคิดแบบแตกแขนง เป็นการคิดนอกกรอบ เป็นความคิด นอกกรอบ
11.2. 2. Vertical Thinking
11.2.1. เป็นความคิดในแนวตรง เกิดขึ้นโดยตรงจากข่าวสารที่เป็นทางการ และใช้ในการหาคาตอบที่น่าสนใจ ซึ่งนักบริหารควรที่จะเป็นนักคิดในแนวทางนี้ให้มาก
11.3. 3. Logical Thinking
11.3.1. การคิดอย่างมีตรรกะ เป็นพื้นฐานแห่งแนวคิด การปฏิบัติ ที่เน้นความ เป็นเหตุเป็นผลอย่างต่อเนื่อง
11.4. 4. Creative Thinking
11.4.1. การคิดสร้างสรรค์ในเชิงบวก เป็นความคิดประยุกต์ จาก ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ รวมทั้ง การปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น
11.5. 5. Critical Thinking
11.5.1. เป็นกระบวนการทางจิตสานึกเพื่อวิเคราะห์
11.6. 6. Positive Thinking
11.6.1. การมองสิ่งต่างๆอย่างเข้าใจ ยอมรับได้ในด้านลบ มองปัญหา ความทุกข์ ความไม่ราบรื่นเป็นเรื่องธรรมดา
11.7. 7. Ethical Thinking
11.7.1. ความคิดในเชิงจริยธรรม คุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
11.7.1.1. 1. คิดให้ลึกเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking)
11.7.1.2. 2. คิดให้กว้างอย่างสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
11.7.1.3. 3. คิดให้ครบจนจบเรื่อง (Integrated Thinking)
11.7.1.4. 4. คิดในภาพรวมทั้งระบบ (System Thinking)