
1. พลังงาน (Energy) เป็นปัจจัยสําคัญต่อการดํารงชีวิตของมนุษย์และจําเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความต้องการใช้ พลังงานเพิ่มสูงขึ้นตามการเพิ่มของประชากรโลก การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งมีอยู่จํากัดได้ส่งผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน สภาพความเสื่อมโทรมของสภาวะแวดล้อม (Environmental degradation) ส่วนใหญ่ มีสาเหตุมาจากการผลิตและการ ใช้พลังงานของมนุษย์แทบทั้งสิ้น
2. ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากพลังงาน
2.1. ผลกระทบจากขั้นตอนการผลิต (Environmental impact of energy production)
2.1.1. การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์และน้ํามันเตา ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศมาก เถ้าลอยที่เกิดจากการ เผาไหม้จะก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2 ) ลอยอยู่ในบรรยากาศและเมื่อรวมตัวกับความชื้นในอากาศตกลงมาเป็น ฝนกรด ซึ่งทําลายสภาพนิเวศอย่างกว้างขวาง
2.1.2. การใช้พลังน้ําเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ถึงแม้จะจัดเป็นพลังงานสะอาด และราคาต้นทุนต่ํา แต่การสร้างเขื่อน กักเก็บน้ําต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไม้เพื่อใช้เป็นอ่างเก็บน้ําเหนือเขื่อน
2.1.3. กระบวนการผลิตน้ํามันและก๊าซธรรมชาติการขุดเจาะน้ํามันและก๊าซธรรมชาติมักจะประสบปัญหาที่ส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณแหล่งขุดเจาะ
2.2. ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน (Environmental impact of energy consumption)
2.2.1. การคมนาคมขนส่ง การทํางานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ํามันเบนซินจะปล่อยและควันเสียออกมา เครื่องยนต์ที่มี การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NO) และสาร ไฮโดรคาร์บอน (HC) ในบรรยากาศ
2.2.2. อุตสาหกรรม เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้น้ํามันเตาและถ่านหินลิกไนต์ซึ่งมีปริมาณกํามะถันสูง ก่อให้เกิด ฝุ่นละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์
2.3. ผลกระทบจากประเภทของพลังงานที่ใช้ (Environmenta impact of the type of energy used)
2.3.1. การใช้พลังงานนิวเคลียร์รังสีที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์อาจรั่วไหลซึ่งเป็นอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดการระเบิด ฝุ่นรังสีจะฟุ้งกระจาย ทําอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทันทีทันใด และเกิดผลกระทบระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นน้ําเสียจากการระบายความร้อนที่ปล่อยออกสู่แหล่งน้ําก็จะทําให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศตามมา
2.3.2. การใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม การเผาไหม้ปิโตรเลียมจะก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ โดยการปล่อยไอเสีย ออกมาจากปล่องควันของโรงงานอุตสาหกรรม โรงจักรไฟฟ้า และจากรถยนต์
2.3.3. การใช้ถ่านหินลิกไนต์มีทั้งการทําเหมือง และการเผาไหม้เนื่องจากสมบัติและองค์ประกอบของถ่านหินเอง
2.3.4. การใช้กังหันลม ถึงแม้การใช้พลังงานลมจะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะร้ายแรงใด ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก พลังงานลมค่อนข้างเป็นพลังงานบริสุทธิ์
2.3.5. การใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นพลังงานได้เปล่าจากธรรมชาติ สามารถนํามา ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ําได้แต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
3. ระดับปัญหาสิ่งแวดล้อม
3.1. ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่น (Local environmental issues) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีขนาดความรุนแรงไม่ มากนัก แก้ไขได้ไม่ยุ่งยาก กระทบกระเทือนต่อสภาพแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียง
3.2. ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับประเทศหรือภูมิภาค (Regional environmental issues) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก เกิดกับคนหมู่มากในบริเวณกว้าง อาจจะเกิดปัญหาระดับท้องถิ่นมาก ๆ สะสมหรือรวมกัน
3.3. ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก (Global environmental issues) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมหาศาล กระทบกระเทือนต่อสิ่งมีชีวิต คนและสภาพแวดล้อมทั่วโลก ซึ่งเกิดจากปัญหาระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคสะสมรวมกันมาก ขึ้นจนยากจะแก้ไข จะแก้ไขได้ต้องมีการร่วมมือกันของคนทั่วโลก
4. ภาวะโลกร้อน (Global warming)
4.1. ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
4.1.1. ด้านนิเวศวิทยา ภาวะโลกร้อนทําให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ฤดูร้อนจะยาวนานขึ้น ในขณะที่ฤดูหนาวจะสั้นลง ภูเขาน้ําแข็งบริเวณขั้วโลกได้รับผลกระทบ น้ําแข็งละลายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับน้ําทะเลเพิ่มขึ้นและไหลสู่มหาสมุทรและทะเลอื่น ๆ ทั่วโลก ทําให้เกิดน้ําท่วม แหล่งอาศัยของสัตว์น้ําเปลี่ยนแปลงทําให้สัตว์น้ําบางชนิดอาจไม่สามารถอยู่รอดได้
4.1.2. ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลที่สําคัญจะสูญเสียรายเนื่องจากชายฝั่งเกิดการกัดเซาะ และแนวประการังสูญหายไป ในทวีปเอเชียมีโอกาส 66-90 % ที่อาจเกิดฝนและมรสุมรุนแรง รวมถึงเกิดความแห้งแล้งในฤดูร้อนที่ยาวนาน
4.1.3. ด้านสุขภาพ ภาวะโลกร้อนขึ้นทําให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การฟักตัวของเชื้อโรคและศัตรูของพืชที่ เป็นอาหารของมนุษย์บางชนิด โรคเขตร้อนที่มียุงเป็นพาหะนําโรคจะแพร่กระจายไปยังเขตอบอุ่นได้เชื้อโรคที่ฟักตัวได้ดีใน สภาพร้อนชื้นของโลกจะเพิ่มขึ้นมากในอีก 20 ปีข้างหน้า โรคที่จะมีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
4.2. วิธีการแก้ไขและป้องกันภาวะโลกร้อน
4.2.1. สาเหตุที่แท้จริงของภาวะโลกร้อนนั้นอยู่ที่การบริโภคที่เกินความจําเป็นของมนุษย์ ประชากรโลกสามารถช่วย ชะลออัตราการเกิดปัญหาและผลกระทบจากภาวะโลกร้อนได้โดยปรับเปลี่ยนการดําเนินชีวิตของตนได้โดยมีการจัดการการใช้ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมให้ถูกต้อง โดยอาศัยบทบาทของบุคคลในท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการใช้ทรัพยากรต่อไปใน อนาคต
4.2.2. ก. ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มตัวดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ข. ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ํามันลงได้20% ค. การใช้หลอดไฟฟ้าแบบคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่าหลอดไส้ถึง 80% ง. การใช้ฝักบัวชนิดประหยัดน้ํา (Water Efficient Showerhead) แทนการอาบน้ําแบบตักน้ํา สามารถลด ปริมาณน้ําได้ถึง 25-75% จ. ใช้วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และอาหารที่ผลิตในท้องถิ่นหรือประเทศ เพราะการขนส่งต้องใช้น้ํามันเป็นเชื้อเพลิงและ ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ฉ. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ป้ายประหยัดไฟเบอร์5 และมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์