My First Mind Map

Just an initial demo map, so that you don't start with an empty map list ...

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
My First Mind Map by Mind Map: My First Mind Map

1. สมบัติของเสียง

1.1. การสะท้อนของเสียง

1.1.1. เสียงเป็นคลื่นจึงมีการสะท้อนตามกฏการสะท้อนของคลื่น คือ มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน และเส้นปกติต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน

1.1.1.1. เสียงก้อง (Echo)

1.1.1.1.1. เมื่อเราตะโกนออกไป เราจะได้ยินเสียงตัวเองกลับมาในเวลาสั้นๆ

1.2. การหักเหเสียง

1.2.1. การหักเหเสียงเกิดขึ้นเมื่อเสียงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางซึ่งมีความแตกต่างกัน มีผลทำให้อัตราเร็วเสียงเปลี่ยนแปลงไป และทำให้ความยาวคลื่นเสียงเปลี่ยนแปลงด้วย

1.2.1.1. การหักเหเสียงในอากาศ เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่นในตอนกลางวันเราเห็นฟ้าแลบแต่ไม่ได้ยินเสียงทั้งที่ความจริงจะต้องมีเสียง

1.3. การแทรกสอด

1.3.1. การแทรกสอดของเสียงเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงอาพันธ์ 2 แหล่ง คลื่นเสียงจากสองแหล่งแผ่เข้าซ้อนทับกันเกิดปฏิบัพ(เสียงดัง) และบัพ(เสียงเบา

1.4. การเลี้ยวเบนของเสียง

1.4.1. เสียงเป็นคลื่นจึงแสดงสมบัติการเลี้ยวเบน การเลี้ยวเบนของเสียงคือปรากฏการณ์ที่เสียงอ้อมสิ่งกีดขวาง หรือลอดผ่านช่องเปิดเดี่ยวเลี้ยวเบนผ่านแยกบนท้องถนน หรือผ่านช่องหน้าต่าง

2. คลื่นนิ่ง

2.1. เป็นปรากฏการณ์แทรกสอดที่เกิดจากการซ้อนทับระหวางคลื่นสองขบวนที่สวนทางกันโดยมีความถี่ ความยาวคลนื่ และอัมปลิจูดของคลื่นเท่ากน

3. การได้ยิน

3.1. กําลงเสี่ยง (P) คือปริมาณพลังงานเสียงที่สงออกมาจากแหล่งกาเนิดใน หนึ่งหน่่วยเวลา หน่วย่ จูลต่่อวินาที (J/s) หรือ วัตต์(W)

3.2. ความเข้มเสียง(I) คือ กําลงเสียงที่แหลงก่าเนิดเสียงแผ่ออกไปต่อหนึ่ง หน่วยพนทื้ ของหน้าคลท่นทรงกลม

3.2.1. INS to insert (Windows)

3.2.2. TAB to insert (Mac OS)

3.2.3. ENTER to add siblings

3.2.4. DEL to delete

3.2.5. Press F1 to see all key shortcuts

3.3. หูของมนุษยสามารถตอบสนองต่อความเข้มเสียงต่ําสุดได้ 10-12W/m2

3.4. หูของมนุษยสามารถทนต่อความเข้มเสียงสงสุดได้ 1 W/m2

4. ปรากฏการณ์บีตส์(Beat)

4.1. เป็นปรากฏการณ์จากการแทรกสอดของคลนเสื่ยง 2 ขบวนที่มี ความถี่ต่างกันเล็กน้อยและเคลื่อนที่อยู่ในแนวเดียวกันเกิดการรวม คลื่นเป็นคลื่นเดียวกัน ทําใหแอมพลิจูดเปลี่ยนไป เปนผลทำให้ เกิด เสียงดังค่อยสลับกันไปด้วยความถี่คาหนึ่ง

5. ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ (The Doppler Effect)

6. คลื่นกระแทก (Shock wave)