Get Started. It's Free
or sign up with your email address
โรคเรื้อน (Leprea) by Mind Map: โรคเรื้อน (Leprea)

1. 1. สาเหตุหรือปัจจัยที่เกิดโรค

1.1. เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium leprae ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อวัณโรค

2. 2. อาการและอาการแสดง

2.1. อาการทางผิวหนัง

2.1.1. ผิวหนังของผู้ป่วยโรคเรื้อนบางครั้งมีลักษณะเป็นวงด่างสีขาว ขอบไม่ชัด หรืออาจเป็นปื้นหรือตุ่มนูนแดงหนา หากเป็นโรคเรื้อนแบบเรื้อรัง ก็จะพบมีใบหูหนา หูผิดรูป หน้าบวม

2.2. อาการทางเส้นประสาท

2.2.1. ถ้าเส้นประสาทรับความรู้สึกถูกทำลาย จะทำให้เกิดอาการชาบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยโรค ความรู้สึกบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และกระจกตาลดลง บางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง

2.3. อาการทางตา

2.3.1. ขนคิ้วร่วง หากมีการทำลายของเส้นประสาทคู่ที่ 7 จะทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้หลับตาปิดไม่สนิท ส่งผลให้กระจกตาแห้ง และเกิดแผลทำให้ตาบอดได้

2.4. อาการระบบอื่น ๆ

2.4.1. ต่อมน้ำเหลืองโตเยื่อบุช่องปากนูนหนาบวม และ แตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจเกิดการอักเสบของอัณฑะ และหากเชื้อลุกลามเข้าถึงกระดูก ซึ่งเป็นบริเวณที่สร้างเม็ดเลือด ก็จะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้

3. 4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

3.1. 1. การตรวจทางจุลชีววิทยาโดยการกรีดผิวหนัง (slit-skin smear : SSS) ต้องทำในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคเรื้อนทุกราย เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและจำแนกชนิด รวมทั้งผู้ป่วยใหม่ทุกราย เพื่อแบ่งกลุ่มการรักษา ตลอดจนผู้ป่วยที่อยู่ในทะเบียน เพื่อติดตามผลการรักษา 2. การตรวจทางพยาธิวิทยา โดยการตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรค (skin biopsy) และส่งให้พยาธิแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ทำเมื่ออาการทางคลินิกไม่ชัดเจน เพื่อแยกจากโรคผิวหนังอื่นๆ และยืนยันการกลับเป็นโรคใหม่ (relapse)

4. 3. พยาธิสภาพ

4.1. โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อเรื้อรังชนิดหนึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไมโคแบคทีเรียม เลแปร (Mycobacterium leprae) ซึ่งเมื่อเช้าสู่ร่างกายแล้วเชื้อมักจะเข้าไปอาศัยอยู่ในบริเวณใต้ผิวหนังและเส้นประสาทส่วนปลายจากนั้นประมาณ 3-5 ปี ผู้ที่ไม่มีความต้านทานต่อเชื้อโรคเรื้อนก็จะมีอาการแสดงทางผิวหนัง เช่น เป็นวงด่าง สีจาง หรือสีเข้มกว่าผิวหนังปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอาการจะลุกลามเป็นผื่นหรือตุ่มกระจายอยู่ทั่วตัว หลายคนเรียกชื่อโรคเรื้อนต่างกันไป เช่น ขี้ทูด กุฏฐัง ไทกอ หูหนาตาเล่อ โรคพยาธิเนื้อตาย เป็นต้น

5. 5. การตรวจร่างกายที่สำคัญ

5.1. การตรวจร่างกาย มีวงด่างขาวหรือรอยนูนแดงที่ผิวหนังและมีอาการชา ร่วมกับคลำพบเส้นประสาทที่อยู่ตื้นๆ ได้แก่ Ulnar Nerve โตทั้งสองข้าง

6. 6. การรักษาในปัจจุบัน

6.1. 1. กรณี PB ให้ Dapsone วันละ 100 mg. เป็นเวลา 6 เดือน ไม่ต้องเพิ่ม rifampicin อีก 2. กรณี MBใ ห้ clofazimine และ dapsone ดังนี้ - Clofazimine 300 mg. เดือนละครั้ง ทุกเดือน - Dapsone 100 mg. วันละครั้งทุกวัน และClofazimein 50 mg. วันละครั้งทุกวัน ไม่ต้องเพิ่ม rifampicin อีก

7. 7. ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

7.1. 1. วิตกกังวล เนื่องจากอาการของโรค

7.1.1. 1. ประเมินระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยโดยใช้แบบประเมินความวิตกกังวล เพื่อประเมินระดับความวิตกกังวล

7.1.2. 2. ตรวจเยี่ยมให้คำปรึกษากับผู้ป่วยและครอบครัวให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรักษาและประสานกับแพทย์พร้อมทั้งอธิบายเกี่ยวกับโรคและการรักษาตัดสินใจร่วมกับแพทย์ เพื่อลดความวิตกกังวล

7.1.3. 3.ใช้เทคนิคการพยาบาลช่วยปรับเปลี่ยนความคิด และการรับรู้ที่มีต่อปัญหาให้เป็นเชิงบวก เพื่อลดความวิตกกังวล

7.1.4. 4.ให้ผู้ป่วยได้พูดคุย ระบายความรู้สึกเกี่ยวกับประสบการณ์การปรับตัวของผู้ป่วยในอดีต เพื่อลดความวิตกกังวล

7.2. 2. สูญเสียภาพลักษณ์ เนื่องจากอาการที่ผู้ป่วยเป็น

7.2.1. 1.ให้ผู้ป่วยได้พูดคุย ระบายความรู้สึกเกี่ยวกับประสบการณ์การปรับตัวของผู้ป่วยในอดีต เพื่อลดความวิตกกังวล

7.2.2. 2.ใช้เทคนิคการพยาบาลช่วยปรับเปลี่ยนความคิด และการรับรู้ที่มีต่อปัญหาให้เป็นเชิงบวก เพื่อลดความวิตกกังวล

7.2.3. 3.กระตุ้นให้ญาติมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจ/กิจกรรมต่างๆของผู้ป่วย พร้อมทั้งส่งเสริม ช่วยเหลือผู้ป่วยในการปฏิบัติตัว เพื่อลดความวิตกกังวล

7.2.4. 4.ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยพักผ่อน ลดสิ่งรบกวนต่างๆ และดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา

7.3. 3. เสี่ยงต่อการสูญเสียความสมบูรณ์ของผิวหนัง เนื่องจากการรับความรู้สึกลดลง

7.3.1. 1. ประเมินผิวหนังผู้ป่วยว่ามีพยาธิสภาพที่ผิวหนังหรือไม่ มีลักษณะอย่างไร

7.3.2. 2. แนะนำการดูแลความสะอาดร่างกายทั่วไป ช่วยดูแลกรณีผู้ป่วยไม่สามารถทำความสะอาดร่างกายได้

7.3.3. 3. ดูแลบาดแผลด้วยหลัก Aseptic technique อย่างนุ่มนวล เลือกใช้วิธีทำแผล และ น้ำยา ที่เหมาะกับสภาพแผลผู้ป่วย เมื่อเปียกชื้นพิจารณาเปลี่ยนให้ตามความเหมาะสม

7.3.4. 4. ทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะข้อพับต่างๆ ไม่ให้อับ ทาโลชั่นให้กับผู้ป่วย หากมีผิวหนังแห้ง