시작하기. 무료입니다
또는 회원 가입 e메일 주소
Asthma 저자: Mind Map: Asthma

1. สาเหตุ

1.1. ภายนอก

1.1.1. สูดดมหรือการหายใจเข้าไป

1.1.1.1. ฝุ่นละออง

1.1.1.1.1. ผู้ป่วยสัมผัสฝุ่นจาการทำงาน

1.1.1.2. ละอองดอกไม้

1.1.1.3. ควัน เช่น บุหรี่

1.1.1.3.1. ได้รับควันจากบุหรี่ที่สามีสูบ

1.1.1.4. ขนสัตว์

1.1.1.5. ความเย็น

1.1.1.6. ความชื้น

1.1.2. รับประทานเข้าไป

1.1.2.1. นม

1.1.2.2. ถั่วบางชนิด

1.1.2.3. เนื้อสัตว์

1.1.2.4. อาหารทะเล

1.2. ภายใน

1.2.1. มักมีอาการเมื่ออายุมากขึ้น

1.2.2. มีประวัติการติดเชื้อบ่อยๆหรือเรื้อรัง

2. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล

2.1. ภาวะพร่องออกซิเจนจากประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง

2.2. ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ

2.3. เสี่ยงต่อภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจจากหอบหืด

2.4. วิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย

2.5. พร่องความรู้ในการปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับโรคหอบหืด

3. อาการ

3.1. อาการที่นำมาร.พ.

3.1.1. หายใจหอบเหนื่อย

3.1.2. มีเสมหะในลำคอ ขับไมjออก

3.2. อาการแรกรับ

3.2.1. ได้ยินเสียงหวีดที่ปอด2ข้าง

3.2.2. อุณหภูมิร่างกาย 36 . 7 c ชีพจร 144 ครั้ง นาที อัตราการหายใจ 30 ครั้ง / นาที ความดันโลหิต 139 /92 mmHg วัดความอิ่มตัวของออกซิเจน ปลายนิ้วได้ 92 %

3.2.3. หายใจเร็ว หอบลึก

3.2.4. หายใจยังหอบเหนื่อย

3.3. ที่หอผู้ป่วยวิกฤต

3.3.1. แรกรับ

3.3.1.1. หลังได้รับการให้ออกซิเจนหายใจหอบเหนื่อยลดลง

3.3.1.2. อุณหภูมิ 37 . 7° C ชีพจร 132 ครั้ง / นาที อัตราการหายใจ 24 ครั้ง / นาที ความดันโลหิต11 / 54 mmHg ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนได้ 100 %

3.3.1.3. วัดสัญญาณชีพ อุณหภูมิ 37°C ชีพจร 110 ครั้ง / นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง / นาที ความดันโลหิต 100 / 66 mmHg วัดความอิ่มตัวของ ออกซิเจนปลายนิ้วได้ 98 %

3.3.1.4. ได้ยินเสียงหวีดที่ปอด2ข้าง

3.3.2. วันรุ่งขึ้น

3.3.2.1. สัญญาณชีพ อุณหภูมิ 37 . 8 °C ชีพจร 134ครั้ง / นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง / นาที ความดัน โลหิต 106 / 48 mmHg วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนปลายนิ้วได้ 98 %

3.3.2.2. ไม่ม่มีเสมหะ หายใจไม่หอบเหนื่อย

3.3.2.3. ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีช่วยเหลือตนเองได้ดี หายใจไม่หอบเหนื่อย

3.3.2.4. หายใจออกมีเสียงหวีดเล็กน้อย

3.4. ที่หอผู้ป่วยสามัญ

3.4.1. สัญญาณชีพ อุณหภูมิ 37 °Cชีพจร 100 ครั้ง / นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง / นาที ความดันโลหิต 120 / 60 mmHg ความอิ่มตัวของออกซิเจนปลายนิ้วได้ 97 %

3.4.2. ไม่มีเสียงหวีดหรือเสียงผิดปกติอื่นๆ

3.4.3. ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หอบเหนื่อยลดลง ไม่ต้องใช้เครื่องให้ออกซิเจน

3.4.4. ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

4. เกณฑ์การประเมินผล

4.1. สัญญาณชีพอยู่ในภาวะปกติ

4.1.1. อัตราการหายใจ 16-20 ครั้งต่อนาที

4.1.2. ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที

4.1.3. ความดันโลหิต

4.1.3.1. ตัวบน 90-140 mmHg

4.1.3.2. ตัวล่าง 60-90 mmHg

4.1.4. หายใจเหนื่อยหอบ อัตรา 30 ครั้ง/นาที

4.1.5. ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ไม่ต่ำกว่า 95%

4.2. ค่าWBC เป็น5000-10000 cell/mm

4.3. ผู้ป่วยสีหน้าสดชื่นดี

4.4. หายใจไม่หอบเหนื่อย

4.5. ไม่มีเสมหะเหนียวข้นที่ทางเกิดหายใจ

4.6. บอกปฏิบัติตนในการดูแลตนเองขณะอยู่บ้านได้ถูกต้อง

5. ข้อสนับสนุน

5.1. มีเสมหะในลำคอ

5.2. หายใจเร็ว หอบลึก

5.3. ประวัติเป็นโรคหอบหืดมา9ปี

5.4. มีเสียงหวีดที่ปอดทั้งสองข้าง

5.5. ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดเป็น 92%

5.6. ค่าWBC 13600 cell/mm

6. พยาธิสรีรวิทยาและกลไกการเกิดโรค

6.1. ในผู้ป่วยหอบหืดนั้นการตีบของหลอดลมทำให้เกิดความต้านทาน (airway resistance) เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีผลต่อการหายใจออก(expiration) เกิดเป็นเสียงหวีด ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนกาซที่ไม่สมดุล (ventilation perfusion mismatch) และมีภาวะพร่องออกซิเจนในเลือดตามมาการตีบของหลอดลมในผู้ป่วย หอบหืดนั้นเกิดได้จากกลไกที่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมนั้น มีการหดเกร็งตัวผิดปกติ(abnormal smooth muscle contraction) การอักเสบของเยื่อบุหลอดลม (mucosal edema and inflammation) ทำให้มีการบวมของ เยื่อบุหลอดลม และการมีเสมหะอุดในหลอดลม (mucus plugging)

6.2. การเปลี่ยนแปลงที่พนังหลอดลมตีบแคบลง

6.2.1. กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมหดตัว

6.2.2. ต่อมที่พนังหลอดลมขับมูกออกมา

6.2.3. พนังหลอดลมบวม และมีเลือดคั่ง

6.2.4. การเปลี่ยนดังกล่าวมีผลทำให้เกิด

6.2.4.1. สมรรภาพการทำงานของปอดลดลง

6.2.4.2. มีอากาศค้างอยู่ภายในปอดมากหลังหายใจออก

6.2.4.3. ออกซิเจนในเลือดลดลง

7. กิจกรรมการพยาบาล

7.1. สร้างสัมพันธภาพที่ดี กับผู้ป่วยและญาติ การพูดคุยเอาใจใส่สอบถามอาการอย่างเป็นกันเองและอัธยาศัยที่ดี ช่วยเหลือผู้ป่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า

7.2. ดูแลให้ ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียง ดูแลให้ออกซิเจนทางหน้ากากแบบใช้เครื่องช่วยหายใจ ( Non Invasive )

7.3. ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพอ นอนศีรษะสูง ให้พักผ่อนเพื่อลด การใช้ออกซิเจน จำกัดกิจกรรมในช่วงที่มีอาการหอบเหนื่อย

7.4. ดูแลให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูงเพื่อลดความอึดอัดกลัวการหายใจผ่านหน้ากาก ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้กำลังใจผู้ป่วยเพื่อลด ความวิตกกังวลหลังจากพูดคุยและให้คำแนะนำผู้ป่วยวิตกกังวลลดลงให้ความร่วมมือดี

7.5. สังเกตอาการของการได้รับออกซิเจนไม่ เพียงพอ

7.5.1. หัวใจเต้นเร็ว

7.5.2. กระสับกระส่าย สับสน

7.5.3. ปวดศีรษะ วิงเวียน เหงื่อออก

7.5.4. ระดับความรู้สึกตัวลดลง

7.6. ติดตามวัดสัญญาณชีพ | สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่บ่งถึงการติดเชื้อ เช่น อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ

7.7. สังเกตลักษณะสีและปริมาณของเสมหะเก็บเสมหะส่งตรวจและติดตามผล ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาล

7.8. แนะนำการไออย่างถูกวิธีเพื่อให้เสมหะหลุด ไม่มีการคั่งค้างในปอด

7.9. การดูแลความสะอาดช่อง ปากแนะนำให้ผู้ป่วยจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ

7.10. ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน

7.10.1. หลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้จากการทำงาน ค์อ ฝุ่นพลาสติกจากโรงงาน

7.10.2. ให้ใส่ผ้าปิดจมูกขณะทำงาน

7.10.3. เลี่ยงการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดอาการของโรค

7.10.3.1. ที่อากาศเย็นจัด

7.10.3.2. ที่อากาศร้อนจัด

7.10.3.3. ลมที่ประทะเป็นเวลานาน

7.10.3.4. ที่มีความชื้น

7.11. ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย รสไม่จัด ครบทั้ง 5 หมู่และยาตามแผนการรักษา

8. แนวทางการรักษา

8.1. แรกรับ

8.1.1. ห้พ่นยาขยายหลอดลม Ventolin I ml ผสม 0 . 9 % NSS 3 ml ทางเครื่องพ่นยาให้เป็นละอองฝอย 3 ครั้ง

8.1.2. พ่นยาขยายหลอดลม Beradual 2 ml ผสม 0 . 9 % NSS 2 ml ทางเครื่องพ่นยาให้เป็นละอองฝอย 2 ครั้ง

8.1.3. ฉีดยา Dexamethasone 10 mg เข้าทางหลอดเลือดดำ 1 ครั้ง

8.1.4. ดูแลให้ออกซิเจนcannula 3 ลิตร / นาที

8.2. รักษาต่อที่หอผู้ป่วยวิกฤต

8.2.1. ค่าปริมาตรอากาศการช่วยหายใจ ( Tidal Volume ) เท่ากับ 500 ml ออกซิเจน 100 % อัตราการ หายใจ 18 ครั้ง / นาที ค่าแรงดันในปอดช่วงการหายใจออกสุด ( PEEP ) เท่ากับ 3

8.2.2. สัญญาณชีพแรกรับ อุณหภูมิ 37 . 7° C ชีพจร 132 ครั้ง / นาที อัตราการหายใจ 24 ครั้ง / นาที ความดันโลหิต111 / 54 mmHg ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนได้ 100 %

8.2.3. ดูแลให้ออกซิเจนทางหน้ากากแบบใช้เครื่องช่วยหายใจ ( Non Invasive ) โดยตั้งเครื่อง ดังนี้

8.2.3.1. ช่วงเวลาในการหายใจเข้าต่อช่วงเวลาในการหายใจออก ( I - E ) เท่ากับ 1 : 1 . 7 - ปริมาตรอากาศในการหายใจเข้าออก ( Tidal Volume ) ของผู้ป่วยแต่ละครั้ง มีค่าประมาณ 600 - 700 ml

8.2.4. พ่นยา Bernadual 2 ml ผสม 0 . 99 % NSS 2 ml พ่นทางเครื่องพ่นยาให้เป็นละอองฝอย ทุก 2 ชั่วโมง

8.2.5. ฉีดยา Dexamethasone 5 mg ทางหลอดเลือดดำทุก 6 ชั่วโมง

8.2.6. ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำชนิด 5 % D/N / 2 1000 ml rate 80 m / hr . ให้งดน้ำและอาหาร

8.2.7. ให้รับประทานยา meptin ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อน อาหารเช้าเย็น

8.2.8. บันทึกI/O

8.2.9. เช้าวันถัดมา

8.2.9.1. พ่นยาขยายหลอดลม Beradual 2 ml ผสม 0 . 9 % NSS 2 ml ทาง เครื่องพ่นยาให้เป็นละอองฝอย พ่นทุก 2 ชั่วโมง

8.2.9.2. ฉีดยา Dexamethasone 5 mg ทางหลอดเลือดดำทุก 8 ชั่วโมง

8.2.9.3. เมื่อสารน้ำหมด เปลี่ยนเป็น NSS Lock สำหรับฉีดยาทางหลอดเลือดดำ

9. นางสาวสุพัตราทับทิมทอง รุ่น 36/2 เลขที่44 612001125