
1. • ส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้ คือ 1. ศีรษะ (Head) 2. คอ (Neck) 3. ลำตัว (Trunk) แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ อก (Thorax) ท้อง (Abdomen) ท้องน้อย (Palvis) 4. แขนและขา (Extremities หรือ Limbs) ชั้นของร่างกาย
2. การแบ่งส่วน ชั้น และช่องในร่างกาย
2.1. • ชั้นต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ตั้งแต่นอกสุดถึงในสุด แบ่งออกเป็น 6 ชั้น ได้แก่ 1. ชั้นผิวหนัง (Skin) เป็นชั้นที่อยู่นอกสุดของร่างกาย 2. ชั้นเยื่อเหนียว (Fascia) เป็นชั้นที่อยู่รองลงไปจากชั้นผิวหนัง 3. ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscular) 4. ชั้นกระดูก (Skeleton) 5. ชั้นทรวงอก (Pleura) 6. ชั้นในสุดคือชั้นเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum) เป็นที่อยู่ของอวัยวะภายในช่องท้องและภายในอุ้งเชิงกราน
2.2. ช่องต่างๆ ของร่างกาย (Cavities of the body)
2.2.1. ช่องส่วนหน้า (Ventral cavity)
2.2.1.1. 1. ช่องอก (Thoracic cavity) 2. ช่องท้อง (Abdominal Cavity) 3. ช่องท้องน้อยหรือช่องอุ้งเชิงกราน (Pelvic cavity)
2.2.2. ช่องส่วนหลัง (Dorsal cavity)
2.2.2.1. 1. ช่องที่อยู่ในกระดูกกะโหลกศีรษะ (Cranial caviy) มีมันสมอง (Brain) บรรจุอยู่ภายใน 2. ช่องที่อยู่ของไขสันหลัง (Spinal cavity) ช่องนี้ติดกับช่องกะโหลกศีรษะ โดยมีไขสันหลัง (Spinal cord) ทอดอยู่ โดยทอดติดต่อมาจากมันสมอง ช่องนี้มีความยาวไปตลอดกระดูกสันหลัง ***ส่วนภายในกะ โหลกศีรษะนอกจาก Cranial cavity แล้วยังมีช่องเล็กๆ อีก 3 ช่อง คือ 1. ช่องเบ้าตา (Orbital) มีลูกตา (cye) ประสาทตา (Optic nerve) กล้ามเนื้อลูกตา (Muscle of eyeball) ต่อมขับน้ำตา (Lacrimal appartus) 2. ช่องจมูก (Nasal cavity) 3. ช่องปาก (Buccal cavity หรือ Mouth) มีลิ้น (Tongue) และฟัน (Teeth)
3. 1. Gross Anatomy เป็นสาขาหนึ่งของกายวิภาคทที่ศึกษาเกี่ยวส่วนต่างๆ ของร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น ศึกษาโครงสร้างของศีรษะ คออก ท้องแขน ขา ศึกษาถึงจำนวนของกล้ามเนื้อ ลักษณะของกระดูก ทางเดินของกระแสประสาท
4. ความหมาย และการจำแนกสาขากายวิภาคและสรีวิทยา
4.1. ความหมาย คือ เป็นวิชาที่เกี่ยวกับร่างกาย ลักษณะ รูปร่างและหน้าที่การทำงานของส่วนหรือ อวัยวะต่างๆ ตามปกติในร่างกายของมนุษย์สัตว์ตลอดจนพฤกษชาติด้วย
4.2. การจำแนก การจำแนกสาขาวิชากายวิภาค จำแนกออกเป็น 7 สาขา
4.2.1. 2. Microscopic Anatomy เป็นการศึกษาถึงหน่วยที่ประกอบเป็นโครงสร้างของร่างกาย ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้อง อาศัยกล้องจุลทรรศน์ส่องดูซึ่งแยกศึกษาออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ Cytology ศึกษา เกี่ยวกับเซลล์Histology ศึกษาเกี่ยวกับ เนื้อเยื่อและ Organology ศึกษาเกี่ยวกับอวัยวะ โดยดูจากการพัฒนามาจากเนื้อเยื่อ
4.2.2. 6. Genetic Anatomy เป็นการศึกษาถึงร่างกาในส่วนที่ เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
4.2.3. 3. Developmental Anatomy หรือ Embryology เป็นการศึกษาถึงการเจริญเปลี่ยนแปลงและการเจริญเติบโตของส่วนต่างๆ ซึ่ง ประกอบขึ้นเป็นอวัยวะและร่างกายนับตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารคา คลอด จนถึงตอนที่ร่างกายของมนุษย์เติบโตเต็มท
4.2.4. 4. Comparative Anatomy เป็นการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้าง ของร่างกายของสัตว์หลาย ๆ ประเภทเพื่อที่จะเอาข้อมูลที่ได้มาใช้ ประโยชน์ในการศึกษาเปรียบเทียบรูปร่างลักษณะและหน้าที่ต่าง ๆ ของอวัยวะในแต่ละระดับของมนุษย์
4.2.5. 5. Systematic Anatomy เป็นการศึกษาลักษณะ และ หน้าที่ของระบบต่างๆโดยแบ่งเป็น - การศึกษาระบบห่อหุ้มร่างกาย (Dermatology) - การศึกษาระบบกระดูก (Osteology หรือ Skeleton system) - การศึกษาระบบกล้ามเนื้อ (Myology หรือ Muscular system) - การศึกษาระบบประสาท (Neurology หรือ Nervous system) - การศึกษาระบบไหลเวียน (Angiology หรือ Cerculartory) - การศึกษาระบบน้ำเหลือง (Lymphatic system) - การศึกษาระบบการย่อย (Digestive system) - การศึกษาระบบหายใจ(Respiratory system) - การศึกษาระบบขับถ่ายปัสสาวะ(Urology หรือ Urinary system) - การศึกษาระบบต่อมไร้ท่อ(Endocrinology หรือ Endocrine system) - การศึกษาระบบสืบพันธุ์(Reproductive system)
4.2.6. 7. Neuroanatomy เป็นการศึกษาถึงระบบประสาท ทั้งใน ระดับที่มองเห็นด้วยตาเปล่าและระดับที่ต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ช่วย