
1. พระราชประวัติ
1.1. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2421 พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ( สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชเทวี ) เมื่อยังทรงพระเยาว์ทรงพระนามว่า "สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ" ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี ในปี พ.ศ. 2431 และต่อมาในปี พ.ศ. 2437 สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมารดํารงตําแหน่งรัชทายาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯจึงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร ดํารงตําแหน่งรัชทายาทแทน
2. การปกครอง
2.1. ทรงปลูกฝังประชาธิปไตยให้กับประชาชน ทรงสร้างดุสิตธานีเป็นที่ทดลองการปกครองแผนใหม่ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2445 ทรงประกาศใช้วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 พ.ศ. 2468 พระราชบัญญัติการเกณฑ์ทหารเข้าประจําการ พ.ศ. 2460 ให้เลิกโรงหวย ก.ข. โรงบ่อนการพนันต่างๆ ธงชาติให้เลิกเครื่องหมายเดิม เปลี่ยนเป็นธงไตรรงค์โปรดให้หนังสือพิมพ์เอกชนออกแสดงความคิดเห็นได้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ วัน เดือน ปี เช่น วันขึ้นปีใหม่ ให้นับเอา 1 เมษายน พ.ศ. 2432 เป็นวันขึ้นปีใหม่และให้เลิกใช้จุลศักราชรัตนโกสินทรศก ให้ใช้พุทธศักราชแทนทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 พ.ศ. 2454 โปรดให้ตราข้อบังคับเกี่ยวกับลักษณะการปกครองลูกเสือขึ้น
3. รัชกาลที่ ๖
4. การศึกษา
4.1. ทรงโปรดยกโรงเรียนมหาดเล็กเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ภายหลังให้ยกโรงเรียนนี้เป็นจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย เริ่มต้นฝึกหัดครูชายและหญิง และโปรดให้หัวเมืองต่างๆ มีการศึกษาถึงชั้นมัธยมบริบูรณ์ พ.ศ. 2461 โปรดให้ออกพระราชบัญญัติ โรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2464 โปรดให้ออกพระราชบัญญัติประถมศึกษา
5. ศาสนา
5.1. พระองค์ทรงได้ทํานุบํารุงทางวัด แล้วยังให้พระภิกษุได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงสั่งสอนข้าราชการในเรื่องศาสนาด้วยพระองค์เอง และพระราชนิพนธ์หนังสือเรื่องพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร
6. วรรณคดีและกวี
6.1. พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่นํามาใช้เป็นแบบเรียนมี
6.1.1. มงคลสูตร
6.1.2. พระนลคําหลวง
6.1.3. ธรรมาธรรมะสงคราม
6.1.4. มัทธะพาธา
6.1.5. สาวิตรี
6.1.6. ตามใจท่าน
7. สยามานุสสติ
7.1. เป็นคำโคลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2461 และได้พระราชทานแก่ทหารอาสา สมัยสงครามโลกครั้งที่1ต่อมาได้มีการนำโคลงนี้มาแต่งเป็นเพลงปลุกใจ
7.1.1. o หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทยฯ o ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงามฯ
7.1.2. เพลงสยามานุสสติ
8. การกบฎกับการสงคราม
8.1. กบฎ ร.ศ. 130 ประกอบด้วย ทหารบก ทหารเรือ ข้าราชการ พลเรือน ได้ร่วมกันคิดที่จะทําการปฎิวัติ เมื่อ ร.ศ. 130 ตรงกับ พ.ศ. 2454 เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย หัวหน้าที่เป็น นายทหารผู้ใหญ่มียศอย่างสูงคือ พันตรีหลวงพิฆเนศวร์ประสิทธิรักษ์ ความคิดของพวกก่อกบฎแบ่งเป็น 2 พวก
8.1.1. ต้องการจะเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ คือ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
8.1.2. ต้องการให้มีการปกครองแบบประชาธิประไตยโดยจะทําการใน วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2455ซึ่งเป็นวันถือนํ้าพิพัฒน์สัตยา แต่ยังไม่กระทําการ ข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึง พันเอกหม่อมเจ้าพันธุประวัติ เจ้ากรมช่างแสงได้ทรงทราบเรื่องราวรายละเอียดทั้งหมดจึงได้ทําการจับกุม พวกที่ถูกประหาร พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลดลงเป็นจําคุกตลอดชีวิต