ระบบเครือข่าย

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
ระบบเครือข่าย by Mind Map: ระบบเครือข่าย

1. ความหมายและประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1.1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก คือกลุ่มของคอมพิวเตอร์จํานวนตั้งแต่สอง เครื่องขึ้นไปและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนํามาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล

1.1.1. LAN (Local Area Network)123

1.1.1.1. ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่าย การสื่อสารขององค์การโทรศัพท์เป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคารใน ระยะใกล้ๆ

1.1.2. MAN (Metropolitan Area Network)

1.1.2.1. ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง

1.1.3. WAN (Wide Area Network)

1.1.3.1. ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็น การสื่อสารในระดับประเทศ

2. รูปร่างเครือข่าย

2.1. การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด(point-to-point)

2.1.1. เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารสองเครื่อง

2.2. การเชื่อมต่อแบบหลายจุด(multipoint)

2.2.1. เป็นการใช้งานช่องทางการสื่อสารเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการ เชื่อมต่อลักษณะนี้จะใช้ช่องทางการสื่อสารหนึ่งช่องทางเชื่อมต่อเข้ากับเครื่อง

2.2.2. โทโปโลยีแบบ BUSในระบบเครือข่าย โทโปโลยีแบบ BUS นับว่าเป็นโทโปโลยีที่ ได้รับความนิยมใช้กันมากในอดีต คือการนําอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครือข่ายเชื่อมต่อกับสายสื่อสารหลักที่

2.2.3. โทโปโลยีแบบ RINGเหตุที่เรียกการสื่อสารแบบนี้ว่าเป็นแบบ RING เพราะข่าวสารที่ส่งผ่าน ไปในเครือข่ายจะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปในทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน หรือ RING นั่นเอง โดยไม่ มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์แบบ

2.2.4. โทโปโลยีแบบ STARจากการเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารที่มีลักษณะคล้ายกับรูปดาว (STAR)หลายแฉกโดยมีศูนย์กลางของดาว หรือฮับเป็นจุดผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครือข่ายศูนย์ กลางจึงมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมดทั้งภายใน

3. อุปกรณ์เครือข่าย

3.1. การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card)

3.1.1. หรือการ์ดแลน หรืออีเธอร์เน็ตการ์ด ทําหน้าที่ในการเชื่อมคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่นั้นเข้ากับระบบเครือข่ายได้

3.2. ฮับ (Hub)

3.2.1. (Hub)คืออุปกรณ์ที่รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหลายๆ สถานีเข้าด้วยกัน ฮับ เปรียบเสมือนเป็นบัสที่รวมอยู่ที่จุดเดียวกัน

3.3. สวิตช์ (Switch)

3.3.1. คืออุปกรณ์รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหลายสถานีเช่นเดียวกับฮับ แต่มีข้อแตกต่างจากฮับ

3.4. บริดจ์ (Bridge)

3.4.1. เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับเครือข่ายหลายๆกลุ่มที่เชื่อมต่อกัน เนื่องจาก สามารถแบ่งเครือข่ายที่เชื่อมต่อ กันหลายๆ เซกเมนต์แยกออก

3.5. รีพีตเตอร์ (Repeater)

3.5.1. เป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้ ระยะไกลขึ้น

3.6. โมเด็ม (Modem)

3.6.1. เป็นอุปกรณ์ที่ทําหน้าที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้สามารถ เชื่อมคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะไกลเข้าหากันได้ด้วยการผ่านสายโทรศัพท์

3.7. เร้าเตอร์ (Router)

3.7.1. ในการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีการเชื่อมโยง หลายๆ เครือข่าย หรืออุปกรณ์หลายอย่างเข้าด้วยกัน ดังนั้นจึงมีเส้นทางการเข้า ออกของข้อมูลได้หลายเส้นทาง

4. โพรโตคอล(Protocol)

4.1. ความหมาย

4.1.1. ข้อกําหนดหรือข้อตกลงที่ใช้ควบคุมการสื่อสารข้อมูลในเครือข่าย ไม่ว่าจะ เป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์อื่นๆ

4.2. องค์ประกอบ

4.2.1. Syntax หมายถึงรูปแบบ(Format) หรือโครงสร้าง(Structure) ของข้อมูล

4.2.2. Semantics หมายถึง ความหมายของข้อมูลที่ได้รับมา เช่น เมื่อได้รับข้อมูลแล้วเอนติตี้รู้ syntax แล้ว แต่จะยังไม่รู้ว่าบิตแต่ละบิตนั้นทําอะไรได้บ้าง

4.2.3. Timing เป็นข้อกําหนดของเวลาในการรับส่งข้อมูล เนื่องจากเอนติตี้แต่ละตัวนั้นมาความเร็วในการรับส่งที่ไม่เท่ากัน เช่น ตัวหนึ่งมีความเร็วของการส่ง 100 Mbps แต่อีกตัวมีความเร็วในการรับแค่ 1 Mbps

4.3. มาตรฐาน 7 ชั้น

4.3.1. ชั้นกายภาพ (physical layer)ทําหน้าที่แปลงข้อมูลในรูปของสัญญาณดิจิทัลให้ผ่านตัวกลางแต่ละชนิดได้

4.3.2. ชั้นเชื่อมโยงข้อมูล(data link layer)ทําหน้าที่เสมือนเป็นผู้บริการส่งข้อมูล คือ ส่งข้อมูลผ่านทางสายส่งโดยมีกระบวนการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล อันเนื่องมาจากสัญญาณรบกวนที่เกิดในสายส่ง

4.3.3. ชั้นเครือข่าย(network layer)ทําหน้าที่ควบคุมการส่งผ่านข้อมูล ระหว่างต้นางและปลายทางโดยผ่านจุดต่างๆ

4.3.4. ชั้นขนส่ง(transport layer)เป็นชั้นของการตรวจสอบและควบคุมการส่ง ข้อมูลระหว่างเครื่องต้นทางและเครื่องปลายทางให้ถูกต้อง

4.3.5. ชั้นส่วนงาน(session layer)ทําหน้าที่สร้างการติดต่อระหว่างเครื่องต้น ทางและปลายทาง ตลอดจนดูแลการส่งข้อมูลระหว่าง เครื่องทั้งสองให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพโดย กําหนดขอบเขตการรับ-ส่ง

4.3.6. ชั้นการนําเสนอข้อมูล (presentation layer)จะแปลงข้อมูลที่ส่งมาให้ อยู่ในรูปแบบที่โปรแกรมของเครื่องผู้รับเข้าใจ

4.3.7. ชั้นการประยุกต์ (application layer)เป็นส่วนติดต่อระหว่างโปรแกรม ประยุกต์ของเครือข่ายผู้ใช้โดยคอมพิวเตอร์จะแปลงข้อมูลที่ได้รับเข้าสู่ระบบ

4.4. โพรโตคอลTCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)

4.4.1. ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งถูกใช้เป็นครั้งแรกในเครือข่าย ARPANET ซึ่งต่อมาได้ขยายการ เชื่อม ต่อไปทั่วโลกเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทําให้ TCP/IP เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบันเป็น ชุดของ โพรโตคอลที่ถูกใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

4.4.2. ชั้นโฮสต์-เครือข่าย (Host-to-network)โพรโตคอลสําหรับการควบคุมการสื่อ สารในชั้นนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีการกําหนดรายละเอียดอย่างเป็นทางการหน้าที่หลักคือการรับข้อมูลจากชั้นสื่อสาร

4.4.3. ชั้นสื่อสารอินเตอร์เน็ต (The Internet Layer)ใช้ประเภทของระบบการสื่อสารที่เรียกว่าระบบเครือข่ายแบบสลับช่องสื่อสารระดับแพ็กเก็ต (packet-switching network) ซึ่งเป็นการติดต่อแบบไม่ต่อเนื่อง

4.4.4. ชั้นสื่อสารนําส่งข้อมูล (Transport Layer)แบ่งเป็นโพรโตคอล 2 ชนิดตามลักษณะ ลักษณะแรกเรียกว่า TransmissionControl Protocol (TCP) เป็นแบบที่มีการกําหนดช่วงการสื่อสารตลอดระยะเวลาการสื่อสาร (connection-oriented)

4.4.5. ชั้นสื่อสารการประยุกต์ (Application Layer)มีโพรโตคอลสําหรับสร้างจอเทอร์มินัลเสมือนเรียกว่า TELNET โพรโตคอลสําหรับการจัดการแฟ้มข้อมูล เรียกว่า FTP และโพรโตคอล

4.5. โพรโตคอล FTP (File Transfer Protocal)

4.5.1. การถ่ายโอนไฟล์หรือเรียกได้อีกอย่างว่า การ คัดลอกแฟ้มข้อมูลบนเครือข่าย

4.5.2. ประเภทของการล็อกอินในบริการ FTP

4.5.2.1. ล็อกอินด้วยผู้ใช้ที่มีอยู่ในระบบ (Real FTP) ผู้ใช้บริการจะต้องมีบัญชีผู้ใช้อยู่จริงบนเซิร์ฟเวอร์สามารถเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ไปที่อื่นได้

4.5.2.2. ล็อกอินด้วยผู้ใช้ที่มีอยู่ในระบบแต่จํากัดขอบเขต (Guest FTP) คล้ายกับ Real FTP ต่างตรงที่ ไม่สามารถเปลี่ยนไดเร็คทอรีไปไหนได้เกินขอบเขตที่เซิร์ฟเวอร์กําหนด

4.5.3. การสร้างส่วนเชื่อมโยงข้อมูล

4.5.3.1. FTP ใช้ port TCP 21 ในการส่งผ่านคําสั่งควบคุมและใช้พอร์ต TCP 20 ส่งข้อมูล

4.5.3.2. สมมุติพอร์ตประจําส่วนเชื่อมโยงควบคุมของ Client คือ 1124 และเตรียมพอร์ต 125 รอไว้ สําหรับส่วนเชื่อมโยงข้อมูล

4.5.3.3. Client จะขอเปิดส่วนเชื่อมโยงข้อมูลตามตําแหน่ง (1) โดยส่งรหัสคําสั่ง Port ตามด้วย IPAddress (158.108.33.1) และหมายเลขพอร์ต 4, 101 ซึ่งแสดงถึงพอร์ต 1125 (เลขพอร์ตเป็นรหัส 16 บิตสองชุดติดกัน ดังนั้นตัวเลข 4, 101 คือ 4 * 256 + 101 = 1125)

4.5.3.4. ต่อจากนั้น Server จะส่ง TCP จากพอร์ต 20 ไปยัง client ที่พอร์ต 1125 ตามตําแหน่งที่ 2

4.6. โพรโตคอล HTTP(Hyper Text Transport Protocol)

4.6.1. คือโพรโทคอลในระดับชั้นโปรแกรม ประยุกต์เพื่อการแจกจ่ายและการทํางานร่วมกันกับ สารสนเทศของสื่อผสมใช้สําหรับการรับทรัพยากรที่

4.7. โพรโตคอล HTTPsหรือ Hypertext Transfer Protocol Security

4.7.1. คือ ระบบความปลอดภัยของ HTTP protocol สําหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่อง server และ client ที่คิดค้นขึ้นโดยบริษัทNetscape