Allergic Disease

1. Contact Dermatitis

2. - CBC (WBC > 10,000, eosinophilia) - Total Tryptase - LFTs (transaminitis) - UA - BUN, Cr, - CXR - serum specific IgE - Serology test เพื่อแยกผื่นจากการติดเชื้อ ไวรัส และซิฟิลิสระยะที่ 2

3. การรักษา การพยาบาล

4. - ควรหยุดยาที่สงสัยว่าแพ้ โดยต้องปรึกษากับแพทย์ผู้ให้ยานั้น - หากไม่สามารถหยุดยาได้ ให้ลดขนาดยานั้นลง - ห้ามใช้ยากลุ่ม NSIADs ทุกตัว - สำหรับผู้ป่วยที่ผิวหนังหลุดลอกมาก ถ้าเป็นไปได้ควรแยกผู้ปวยไว้ในห้องแยก (reverse isolation) และดูแลเช่นเดียวกับผู้ป่วยแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก - รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดอาการแพ้ กลุ่ม antihistamine, ยาลดอาการคัน เช่น Calamine lotion, ยาให้ความชุ่มชื่นกับผิวหนัง (emollients), ประคบผิวหนัง (wet compression) ในรายที่มี oozing - จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอน และให้การรักษาด้วย Oxygen (Airway, Breathing, Circulation) - ให้สารน้ำตามแผนการรักษา - ติดตาม V/S อย่างใกล้ชิดใน 24-48 ชั่วโมง - เฝ้าระวังการติดเชื้อแทรกซ้อน - ดูแลแผลทำความสะอาดแผล ด้วย NSS - ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการักษา เพื่อป้องกันภาวะการติดเชื้อแทรกซ้อน - แนะนำผู้ป่วย ว่าไม่ควรซื้อยาทานเอง - บอกให้ผู้ป่วยทราบว่า ผู้ป่วยแพ้ยาอะไร -ถ้าการแพ้ยา เกิดจากความผิแผกติทางพันธุกรรมของผู้ป่วย ควรแนะนำเรื่องการถ่ายทอดทางพันธถกรรมให้ผู้ป่วยทราบ เช่นใน กรณีของ G6PD deficiency ซึ่งถ่ายทอดแบบ X-linked recessive

5. สาเหตุ

6. กลไก

7. การตรวจพิเศษ

8. การรักษา การพยาบาล

9. Irritants contact dermatitis (ผื่นระคายสัมผัส)

10. Allergy Contact Dermatitis (ผื่นแพ้สัมผัส)

11. ภาวะภูมิแพ้แบบช้า เซลล์ที่เกี่ยวข้องคือ T- effector หรือ Tdth ตัวอย่างของภูมิแพ้แบบนี้เช่นการแพ้สารเคมีที่ผิวหนัง (Contact Dermatitis) เช่นแพ้ผงซักฟอก ในผู้ที่เป็นโรคเรื้อน การทำ tuberculin test การเกิดภูมิแพ้แบบนี้เกิดช้า 48-72 ชั่วโมง

12. จากสารสัมผัส เช่น กรด ด่าง สารเคมีต่างๆ หรือสารที่เป็น Allergen

13. - รู้สึกระคายเคือง - มีผื่นแดง คันอักเสบแบบ eczema - มีผื่นลมพิษ ผื่นตุ่มหนอง ซึ่งแตกเป็นแผล มีการเปลี่ยนแปลงสีของผิวหนัง (Redness) -- ผื่นแบบ granuloma - ผื่นแบบ erythema multiforme

14. อาการ และอาการแสดง

15. Patch Test Skin Prick Test

16. - งด/ หลีกเลี่ยง สัมผัสสารที่ระคายเคือง - รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดอาการแพ้ กลุ่ม antihistamine, ยาลดอาการคัน เช่น Calamine lotion, ยาให้ความชุ่มชื่นกับผิวหนัง (emollients), ประคบผิวหนัง (wet compression) ในรายที่มี oozing

17. Drug Eruption

18. Stevens Johnson Syndrome (SJS): severe cutaneous adverse reaction < 10 %

19. Toxic Epidermal Necrolysis (TEN): severe cutaneous adverse reaction > 30 %

20. กลไก

21. เมื่อได้รับ allergen ครั้งแรก ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีชนิด IgE ไปเกาะบน mast cell และ basophil เมื่อได้รับ allergen ครั้งที่สอง allergen จะเข้าไปเกาะกับแอนติบอดีที่อยู่บนเซลล์ mast cell และ basophil ทำให้เซลล์หลั่งสารเคมีชื่อ histamine และ สารอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา HISTAMINE เป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำใหเส้นเลือดฝอยขยายตัว ทำให้เกิดการบวม แดงคัน ทำให้เกิดกล้ามเนื้อเรียบหดตัว เกิดการหอบหืดได้ ถ้าการแพ้เกิดมากๆมีผลทำให้ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ช็อคได้ เรียกว่าเกิด anaphylaxis

22. สาเหตุ

23. allergen คือ ฝุ่น ยา อาหาร เกสรดอกไม้ ซีรั่มม้า ซึ่งร่างกายได้รับทางการสัมผัส กินฉีด หรือหายใจ อาการแพ้ที่เกิดจะเกิดเร็ว เช่นแพ้ฝุ่นจะมีการไอ จามทันที ร้อยละ 50 ของผู้ที่มีภาวะ Drug Eruption เกิดจากแพ้ยา เช่น sulfonamides, barbiturates, NSAIDS, ยากันชัก (phenytoin), ยารักษาโรคเก๊าท์ (allopurinol), ยาปฏิชีวนะ penicillin, ยาต้านไวรัส nevirapine และ abacavir เป็นต้น ส่วนที่เหลือเกิดจากติดเชื้อ เช่น เริม mycoplasma วัคซีน เช่น BCG โปลิโอ เชื้อราบางชนิด

24. การตรวจพิเศษ

25. ปัจจัยเสี่ยง

26. - Chronic infection (HIV, HHV, CMV, EBV, TB), autoimmune (SLE, RA, CNTD, vasculitis), malignancies (hematologic) - ผู้ที่ซื้อยารับประทานเอง