1. ห้องเรียนกลับด้านกับการเรียนแบบรอบรู้
1.1. การจัดประสบการณ์ทางการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้าน ( Flipped Classroom )นั้นจะก่อให้เกิด กระบวนการสร้างองค์ความรู้ที่เรียกว่า “การเรียนแบบรอบรู้หรือการเรียนให้รู้จริง ( Mastery Learning )”
1.2. ลักษณะสำคัญของการเรียนแบบรู้จริง ( Mastery Learning )
1.2.1. ผู้สอนกำหนดวัตถุประสงค์อย่างละเอียดในการเรียนรู้เนื้อหาสาระ จัดเรียงจากง่ายไปหายาก
1.2.2. ผู้สอนมีการวางแผนการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนแต่ละคนให้สามารถตอบสนองความถนัดที่ แตกต่างกันของผู้เรียน
1.2.3. ผู้สอนแจ้งให้ผู้เรียนเข้าใจในจุดมุ่งหมาย วิธีการเรียน ระเบียบกติกา ข้อตกลงต่างๆในการ ทำงานให้ชัดเจน
1.2.4. ผู้เรียนมีการดำเนินการเรียนรู้ตามแผนการเรียนที่ผู้สอนจัดให้ มีการประเมินการเรียนตาม วัตถุประสงค์แต่ละข้อ โดยผู้สอนคอยดูแลและให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล
1.2.5. หากผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์หนึ่งที่กำหนดไว้แล้ว จึงจะมีการดำเนินการเรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์ต่อไป
1.2.6. ผู้เรียนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ผู้สอนต้องมีการวินิจฉัยปัญหาและความ ต้องการของผู้เรียน และจัดโปรแกรมการสอนซ่อมในส่วนที่ยังไม่บรรลุผลนั้น แล้วจึง ประเมินผลอีกครั้งหนึ่ง
1.2.7. ผู้เรียนดำเนินการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดจนบรรลุครบทุกวัตถุประสงค์ ซึ่งผู้เรียนอาจใช้เวลามากน้อยต่างกันตามความถนัดและความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน
2. ข้อเปรียบเทียบของการเรียนแบบเดิมกับการเรียนแบบกลับด้าน
2.1. จัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับ
2.1.1. มุ่งเน้น การสร้างสรรค์องค์ความรู้ด้วยตัวผู้เรียนเองผ่านสื่อเทคโนโลยี ICTแหล่งเรียนรู้นอกชั้นเรียนอย่างอิสระทั้งด้านความคิดและวิธีปฏิบัติ
2.2. การเรียนแบบเดิม
2.2.1. ครูจะเป็นผู้ป้อนความรู้ประสบการณ์ให้ผู้เรียนในลักษณะของครูเป็นศูนย์กลาง ( Teacher Center )
3. ผลประโยชน์ที่เกิดจากการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้าน
3.1. เปลี่ยนวิธีการสอนของครู จากการบรรยายหน้าชั้นเรียนหรือจากครูสอนไปเป็นครูฝึก
3.1.1. Project specifications
3.1.2. End User requirements
3.1.3. Action points sign-off
3.2. ใช้เทคโนโลยีการเรียนที่เด็กสมัยใหม่ชอบ โดยใช้สื่อ ICT
3.3. ช่วยให้เด็กเรียนไว้ ล่วงหน้าหรือเรียนตามชั้นเรียนได้ง่ายขึ้น
3.3.1. Top Priorities
3.3.2. Medium Priorities
3.3.3. Low Priorities
3.4. ช่วยเหลือเด็กเรียนอ่อนให้ขวนขวายหาความรู้
3.4.1. Top Priorities
3.4.2. Medium Priorities
3.4.3. Low Priorities
3.5. ช่วยเหลือเด็กที่มีความสามารถแตกต่างกันให้ก้าวหน้าในการเรียนตามความสามารถของ ตนเอง
3.6. ช่วยให้เด็กสามารถหยุดและกรอกลับครูของตนเองได้
3.7. ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูเพิ่มขึ้น
3.8. ช่วยให้ครูรู้จักนักเรียนดีขึ้น
3.9. ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอง
3.10. ช่วยให้เห็นคุณค่าของความแตกต่าง
3.11. ช่วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการห้องเรียน
3.12. ประสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง
3.13. ช่วยให้เกิดความโปร่งใสในการจัดการศึกษา
4. ตัวแบบ ( Model ) ของห้องเรียนแบบกลับด้าน
4.1. การกำหนดยุทธวิธีเพิ่มพูนประสบการณ์
4.1.1. Materials
4.1.2. Personnel
4.1.3. Services
4.1.4. Duration