
1. พระราชประวัติ
1.1. ประวัติ
1.1.1. พระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี.แซร์ เป็นชาวอเมริกา
1.1.2. บุตรของนายโรเบิรต์ และนางมาร์ธา ฟินเล่ย์ เนวิน
1.1.3. เกิดทางตอนใต้ของเมืองเซาท์เบทเลเฮม เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๘
1.2. การสมรส
1.2.1. ได้สมรสกับนางสาวเจสซี วูดโรว์ วิลสัน หลังจากภรรยาคนแรกถึงแก่กรรม ก็ได้สมรสอีกครั้งกับนางเอลิซาเบธ อีแวนส์ เกรฟส์
1.3. การศึกษา
1.3.1. จบการศึกษาจากวิทยาลัยวิลเลียมส์ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒
1.3.2. ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕
1.3.3. ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. ๒๔๖๑
1.4. ประสบการณ์การทำงาน
1.4.1. เป็นผู้ช่วยอธิการบดีวิทยาลัยวิลเลียมส์ (Williams College) ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ – ๒๔๖๐
1.4.2. เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย Princeton ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๔๖๔
1.4.3. เป็นอาจารย์วิชาการปกครอง ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ – ๒๔๖๖
1.4.4. เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์และศาสตราจารย์ในวิชากฎหมาย
1.5. วิดิโอ
1.5.1. วิดิโอ
2. การเข้ามาเมืองไทยของพระยากัลยาณไมตรี
2.1. ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) ก็ได้เข้ามารับราชการในเมืองไทย เป็นที่ปรึกษาการต่างประเทศ
2.2. ขณะนั้นเมืองไทยกำลังมุ่งที่จะขอแก้ไขสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีที่ประเทศไทยเคยทำไว้กับนานาประเทศ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอำนาจศาล และการภาษีอากร ซึ่งประเทศไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ จนสามารถดำเนินการแก้ไขสนธิสัญญาสำเร็จกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศฮอล์แลนด์ ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศเดนมาร์ก ประเทศนอร์เวย์ ประเทศสวีเดน ประเทศสเปน และประเทศโปรตุเกสได้สำเร็จ
3. เรื่องน่ารู้
3.1. พระราชทานบรรดาศักดิ์
3.1.1. ดร.ฟรานซิส บี. แซร์ เป็นชาวตะวันตกคนที่ ๒ ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยากัลยาณไมตรีชาวตะวันตกคนแรกที่เป็นพระยากัลยาณไมตรี
3.2. โดยใน พ.ศ. ๒๔๔๖ - ๒๔๕๑ เป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน หลังจากนั้นเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงกราบถวายบังคมลาออกกลับไปสหรัฐอเมริกา เวสเตนการ์ดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยากัลยาณไมตรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔
4. ผลงานที่สำคัญ
4.1. พระยากัลยาณไมตรี ก็มีส่วนช่วยในการร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยรัฐธรรมนูญที่พระยากัลยาณไมตรี ร่างนั้นมีเพียง ๑๒ มาตรา เรียกว่าเป็น “Outline of Preliminary Draft”
4.1.1. มาตรา ๑ ว่าด้วยการยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดในราชอาณาจักร
4.1.2. มาตรา ๒ - มาตรา ๖ กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรีซึ่งบริหารราชการแผ่นดินโดยรับผิดชอบต่อพระมหากษัตริย์ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีและถอดถอนรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบในการบริหารกระทรวงต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีประชุมปรึกษากันแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องนำข้อราชการสำคัญขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัย
4.1.3. มาตรา ๗ กำหนดการแต่งตั้งคณะอภิรัฐมนตรีให้มีอำนาจหน้าที่ถวายคำปรึกษา
4.1.4. มาตรา ๘ สภาองคมนตรี
4.1.5. มาตรา ๙ กำหนดตำแหน่งรัชทายาท
4.1.6. มาตรา ๑๐ กำหนดเรื่องศาลฎีกาและศาลต่างๆ ภายใต้พระราชอำนาจ
4.1.7. มาตรา ๑๑ กำหนดให้อำนาจนิติบัญญัติเป็นของพระมหากษัตริย์
4.1.8. มาตรา ๑๒ กำหนดให้สภาองคมนตรีโดยคะแนนเสียง ๓ ใน ๔ ถวายคำแนะนำให้แก้รัฐธรรมนูญได้