
1. ประวัติความเป็นมา
1.1. อดีตผู้ช่วยพยาบาลลาออกมาอยู่กับครอบครัว
1.1.1. หันมาเอาดีด้านงานเกษตร
1.1.2. เพื่อกลับมาพัฒนาที่สวนให้เจริญมากยิ่งขึ้น
2. แนวคิด
2.1. อยากสร้างความมั่นคงทางอาหาร ทำให้มีกินมีใช้ในครอบครัวก่อน
2.2. ส่วนที่เหลือจึงนำไปขายเป็นรายได้
2.3. มีพืชหมุนเวียนตลอดทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ จะมีกินมีขายตลอด
2.4. จำหน่ายและแปรรูปเป็นน้ำนมถั่วเขียว
3. จุดเด่นของผลผลิต/ผลิตภัณฑ์
3.1. รสชาตินั้นมีการปรับปรุงอีกเล็กน้อย เพื่อให้เป็นซิกเนเจอร์ของสวน จนได้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำนมถั่วเขียวสวนรุ่งพรหม
3.2. ประโยชน์ของน้ำนมถั่วเขียว
3.2.1. เขียว มีโพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง
3.2.2. ถั่วเขียวมีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง
3.2.3. ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด
4. ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
4.1. ลองผิดลองถูกจนเกิดความชำนาญ
4.2. มีการศึกษาหาความรู้
4.3. มีความขยันและอดทน
5. ระบบการผลิตทางการเกษตร
5.1. การปลูกถั่วเขียวหลังนาโดยอาศัยความชื้นในดินหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วให้ไถดินขณะที่ดินยังมีความชื้นเพียงพอสำหรับการงอกของเมล็ด ควรเตรียมดินให้ละเอียด ให้หว่านเมล็ดถั่วเขียวแล้วพรวนดินกลบทันที เพื่อปิดผิวหน้าดินกันการระเหยของน้ำใต้ดิน
5.1.1. โดยเลือกปลูกพันธุ์ชัยนาท 72 อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ 5 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่
5.1.2. มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 63-70 วัน
5.1.3. ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ประมาณ 80-100 กิโลกรัม ต่อไร่ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
5.2. มีพื้นที่ทำการเกษตรเกือบ 20 ไร่
5.2.1. แบ่งปลูกทั้งพืชไร่และสวนผสมผสาน ปลูกยางพารา 10 ไร่
5.2.2. ปลูกข้าวสังข์หยดและข้าวหอมปทุม บนพื้นที่ของตัวเอง 3 ไร่
5.2.3. เช่าพื้นที่ปลูกเพิ่มรวมๆ แล้วปลูกข้าวประมาณ 18 ไร่
5.2.4. เกษตรผสมผสาน บนพื้นที่ 5 ไร่
6. การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
6.1. นำมาแปรรูปเป็นน้ำนมถั่วเขียว
6.1.1. ใช้ราคา 10-15 บาท บรรจุ 150 มิลลิลิตร ต่อ 1 ขวด
6.1.2. จากถั่วเขียวกิโลกรัมละ 40 บาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 1,500 บาท ในอัตราการใช้ถั่วเขียวแค่ 1 กิโลกรัม