1. การสื่อสารกลุ่มย่อย ( Small group communication)
1.1. . ขนาดกลุ่ม (Group size)
1.1.1. มี3-6คนขึ้นไปหรืออาจจะถึง 966 คน สมาชิกแต่ละคนต้องมีทักษะและแรงจูงใจเพื่อจัดการกลุ่มและความรู้
1.2. . การพึ่งพาซึ่งกันและกัน (Interdependence)
1.2.1. การพึ่งพากันมีความเกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับทฤษฎีระบบมากสุด ซึ่งระบุว่าเป็นการทำร่วมกันทุกส่วนอย่างเป็นระบบ
1.3. . งาน(Task)
1.3.1. ถ้าไม่มีงาน กลุ่มจะไม่เกิดขึ้น งานถูกกำหนดให้เป็นกิจกรรมซึ่งการตัดสินใจไม่ได้เกิดขึ้นจากภายนอก ความสำเร็จเกิดขึ้นจากการยอมรับของสมาชิก มี2ลักษณะ คือ
1.3.1.1. 3.1 กลุ่มย่อยที่ใช้การรวมงาน (Additive task) เป็นการให้แต่ละคนทำงานของตนแล้วรวมงานของแต่ละคนรวมกันให้สมบูรณ์
1.3.1.2. 3.2 กลุ่มย่อยที่ใช้การเชื่อมงาน (Conjunctive task) งานที่ร่วมมือกันทำตั้งแต่ต้นจนจบ
2. คุณสมบัติรองของการสื่อสารกลุ่มเล็ก
2.1. . บรรทัดฐาน (Norm)
2.1.1. กฎเกณฑ์ที่เป็นตัวบังคับหรือควบคุมการกระทำของสมาชิกกลุ่ม หรือเป็นแนวทางที่ออกแบบควบคุมความประพฤติของสมาชิกกลุ่มแบ่งเป็น 4 ประเภท
2.1.1.1. 1.1 บรรทัดฐาน (Norm) ช่วยให้กลุมสามารถทำงานประสบความสำเร็จ เช่น การเลือกวิธีการที่ดีที่สุด
2.1.1.2. 1.2 บรรทัดฐานที่เกี่ยวกับกระบวนการทำงาน (Task norm) แสดงให้ถึงวิธีการที่กลุ่มจะปฏิบัติการ การกำหนกระยะเวลาในแต่ละขั้นตอน
2.1.1.3. 1.3 บรรทัดฐานทางสังคม (Social norm) การบังคับวิธีการมีส่วนร่วมของสมาชิกกลุ่มในการสื่อสารระหว่างบุคคล รวมถึงการระบุชื่อแรก
2.1.1.4. 1.4 การรับรอง (Sanction) ขบวนการสร้างระบบควบคุมและโทษทางสังคม
2.2. . เอกลักษณ์ (Identity)
2.2.1. ขอบเขตทางด้านจิตใจและกายภาพที่แตกต่างระหว่างสมาชิกของกลุ่ม กับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่ม ซึ่งมีความคิดที่ เชิงบวก เชิงลบ รวมถึงความผิดหวัง ไม่พอใจ
2.3. . ลักษณะสำคัญของการกำหนดกลุ่มย่อยแบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ
2.3.1. 3.1 แก้ปัญหาด้วยการพูดคุย (Problem solving talk) ลักษณะที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในงานกลุ่มเพราะกลุ่มมี่เป้าหมายของวัตถุประสงค์ อยู่ที่ความสำเร็จของงาน สมาชิกต้องมีการพูดคุยในงานครั้งนี้
2.3.2. 3.2 การพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของสมาชิกกลุ่ม (Role talk) ลักษณะการคุยที่เกี่ยวกับบทบาทสมาชิกของกลุ่มที่กำหนดทั้งเนื้อหา และความสัมพันธ์ของการสื่อสาร
2.3.3. 3.3 การพูดคุยอย่างมีสติ (Consciousness raising talk) ลักษณะการคุยที่เป็นความภาคภูมิใจและเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อพัฒนากลุ่ม กำลังใจ และตัวตนของกลุ่ม พูดคุยให้เกิดความพึงพอใจของสมาชิกกลุ่ม
2.3.4. 3.4 การพบปะพูดคุย (Encounter talk) ประกอบด้วยการสื่อสารระหว่างบุคคล รวมถึงการเปิดเผยตนเอง การตอบสนอง และความเห็นอกเห็นอกเห็นใจ เมื่อสมาชิกกลุ่มเปิดเผยกับตอบสนองความต้องการแต่ละคน รับฟังกัน
2.4. . ประเภืของกลุ่มย่อยประกอบด้วย 8 กลุ่ม
2.4.1. 4.1 . ประเภทของกลุ่มปฐมภูมิ (Primary group) ประกอบด้วยการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดของสมาชิกกลุ่มใช้พฤติกรรมการสื่อสารระหว่างบุคคลหลายประการ
2.4.1.1. เปิดเผยตนเอง
2.4.1.2. การเอาใจใส่
2.4.1.3. ความไว้วางใจ
2.4.1.4. ความเข้าใจ
2.4.1.5. รับรู้
2.4.2. 4.2 กลุ่มทางสังคม (Social group) จากกลุ่มปฐมภูมิที่มีสมาชิกประกอบด้วยบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน หรือมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม
2.4.2.1. ทีมกีฬา
2.4.3. 4.3 กลุ่มช่วยเหลือตนเอง (Self-help group) ประกอบด้วยสมาชิกร่วมกันแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์
2.4.3.1. กลุ่มบำบัด
2.4.4. 4.4 กลุ่มเรียนรู้ (Learning group) เพื่อเพิ่มทักษะ ความสามารถ ของสมาชิก สมาชิกหวังว่าจะได้รับรู้เพิ่มเติม หรือปรับปรุงพฤติกรรมของตนเอง
2.4.5. 4.5 กลุ่มบริการ (Service group) กลุ่มอาสาสมัครที่มอบเวลา พลังงานและความพยายามที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในสิ่งที่ต้องการทำงาน
2.4.6. 4.6 กลุ่มสาธารณะ (Public group) สมาชิกในกลุ่มมีปฏิสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ปฎิสัมพันธ์จะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มกับประชาชนทั่วไป
2.4.6.1. ประชุมทางวิชาการ
2.4.6.2. มีส่วนร่วมในการอภิปราย
2.4.7. 4.7 กลุ่มทำงาน (Work group) เกิดขึ้นภายในองค์กร สมาชิกมีความรับผิดชอบ การทำงานความสามารถ และสมาชิกกลุ่มจะต้องมีส่วนร่วมในความสำเร็จของงาน
2.4.8. 4.8 กลุ่มเสมือน (Virtual Group) การสร้างสมาชิกที่ทำงานด้วยกัน แตกต่างกันด้านสถานที่ การสร้างสมาชิกทำผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร
2.4.8.1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
2.4.8.2. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความสนใจ