ผังมโนทัศน์เรื่อง ความหมาย หลักการ แนวคิดและกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
ผังมโนทัศน์เรื่อง ความหมาย หลักการ แนวคิดและกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์ by Mind Map: ผังมโนทัศน์เรื่อง ความหมาย หลักการ แนวคิดและกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์

1. ความหมาย

2. ความคิดสร้างสรรค์ คือ ความสามารถทางสมองของบุคคลที่จะคิดได้หลายทิศหลายทาง หรือคิดได้หลายคำตอบ และความสามารถในการมองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆโดยมีสิ่งเร้าเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความคิดใหม่ต่อเนื่องกันไป และความคิดสร้างสรรค์นี้อาจเป็นความคิดใหม่ผสมผสานกัประสบการณ์ก็ได้

3. หลักการแนวคิด

4. เนื่องจากความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการฝึกฝน การเรียนรู้ และพัฒนาของสมองซีกขวา ความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนให้เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็กและวัยรุ่น สามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ วิธีฝึกตนเองให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีดังนี้ 1. ฝึกใช้ความคิดตลอดเวลา อย่าหยุดคิด โดยตั้งคำถามในเรื่องที่อยากรู้และหาคำตอบประกอบเหตุผล 2. คิดให้รอบด้าน คิดหลายมิติ ไม่ยึดติดแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเพียงด้านเดียวหรือมิติเดียว 3. สลัดความคิดครอบงำออกไป ไม่จำกัดกรอบความคิดของตนเอง ไว้กับความเคยชินแบบเดิมๆ ที่เคยเชื่อเคยเห็นและเคยทำมาแล้ว 4. จัดระบบความคิดใหม่เพื่อเปรียบเทียบในมุมมิติต่างๆ หรือนำมาค้นหาความจริง 5. ยึดมั่นในคาถาหัวใจนักปราชญ์ ได้แก่ การฟัง การคิด การถาม และการเขียน หรือ “สุ จิ ปุ ลิ” ด้วยการฟังแล้วคิดตาม ไม่เข้าใจให้ซักถาม เมื่อรู้แล้วนำไปเขียนบันทึก 6. ฝึกเป็นคนชั่งสังเกตแล้วจดจำ เพื่อสะสมประสบการณ์และกระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ 7. ฝึกระดมสมองเพื่อรวบรวมความคิดสร้างสรรค์กับเพื่อนๆ หรือบุคคลในครอบครัว หรือผู้อื่นเมื่อมีโอกาส 8. ฝึกแสดงความคิดเห็นบ่อยๆอย่ากลัวล้มเหลวหรือเสียหน้า เพราะการเสนอความคิดเห็นไม่มีถูกหรือผิด 9. ต้องทำอนาคตให้ดีกว่าปัจจุบัน การกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นว่าดีหรือประสบความสำเร็จแล้ว ครั้งต่อไปจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีการใหม่ โดยการต่อยอดความคิดเดิม

5. กระบวนการคิด

6. 1, มีความคิดริเริ่ม ( Originality ) คือ คิดในสิ่งที่แปลกใหม่ คิดในเรื่องที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ไม่ซ้ำใคร ซึ่งแตกต่างจากความคิดของคนธรรมดาทั่วไป 2. มีความยืดหยุ่นในการคิด ( Flexibility ) คือ มีความสามารถในการคิดหาคำตอบได้หลายทิศทาง หลายแง่มุม หรือมองสถานการณ์ทุกอย่างได้หลายมิติ ทำให้สามารถคิดหาวิธีการแก้ปัญหาได้มากกว่า 1 วิธี 3. มีความคิดคล่องแคล่ว ( Fluency) คือ สามารถคิดหาคำตอบได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว และได้คำตอบมากที่สุดในเวลาที่จำกัด หรือเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบดี 4. มีความคิดละเอียดลออ ( Elaboration ) คือสามารถคิดในรายละเอียดที่เป็นปลีกย่อยได้ดี เพื่อขยายหรือตกแต่งความคิดหลัก ให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น