สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี by Mind Map: สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี

1. หม่อมเจ้ามงคล ศิริวงศ์ ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามงคลเลิศ ในรัชกาลที่ ๔ (พ.ศ. ๒๓๙๖) หม่อมเจ้ารำเพย ศิริวงศ์ หม่อมเจ้าหญิงชมชื่น ศิริวงศ์ ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมชื่น ในรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๓๖) หม่อมเจ้าหญิงพื้นพงศ์ ศิริวงศ์ ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็น พระประพันธวงษ์เธอ พระองค์เจ้าพื้นพงศ์ประยุรวงศ์สนิท ในรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๑๓) ภายหลังรัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพื้นพงศ์ประยุรวงศ์สนิท

2. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี หรือพระนามเดิม หม่อมเจ้ารำเพย ศิริวงศ์ (๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๗ - ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๔) พระอัครมเหสีพระองค์ที่สองในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หม่อมเจ้ารำเพย ศิริวงศ์ ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๗ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์รองในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้นราชสกุลศิริวงศ์ กับหม่อมน้อย ทรงมีพระพี่ยา พระน้องยา และพระน้องนางเธอ ต่างพระมารดา รวม ๘ พระองค์

3. หม่อมเจ้าหญิงประสงค์สันทน์ ศิริวงศ์ หม่อมเจ้าหญิงพรรณราย ศิริวงศ์ ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็นพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย หม่อมเจ้าฉายเฉิด ศิริวงศ์ (หรือ ฉายฉันเฉิด) ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็น พระประพันธวงษ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ในรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๑๘) ภายหลังรัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ หม่อมเจ้าหญิงสารพัดเพชร ศิริวงศ์ หม่อมเจ้าประเสริฐศักดิ์ ศิริวงศ์ ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็น พระประพันธวงษ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ ในรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๑๒) ภายหลังรัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์

4. “อายุนับปี เท่ากับกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์บิดานั้น เหมือนกับชายมงคลเลิศซึ่งเป็นพี่ชายว่าโดยละเอียดไป กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ มีอายุนับวันตั้งแต่วันเกิดจนวันตายได้ 9,639 วัน ชายมงคลเลิศนับอายุตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย 9,903 วัน มากกว่ากรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ 284 วัน มากกว่าชายมงคลเลิศ 20 วัน”

5. การประชวร

5.1. นับตั้งแต่พระราชโอรสองค์เล็กประสูติ พระองค์ก็ทรงประชวรมากแต่ก็ทรงตรัสว่า "ไม่เป็นอะไรมากหรอก" แม้จะทรงไอมากก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหัตถเลขา เกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระองค์ไว้ดังนี้ “…แต่แม่รำเพย ตั้งแต่คลอดบุตรชายภาณุรังษีสว่างวงศ์มาแล้ว ป่วยให้ไอและซูบผอมมากไป กลัวจะตั้งวรรณโรคภายใน” อีกฉบับหนึ่ง ทรงบรรยายถึงการสิ้นพระชนม์ไว้อย่างละเอียดดังนี้ “…เวลาเช้าแม่รำเพยไออาเจียนเป็นโลหิตออกมามาก ออกทางจมูกออกทางปาก ได้ตัวสัตว์ออกมากับทั้งโลหิตตัวหนึ่ง มีอาการคล้ายสัตว์ตัวหนอนเล็กหางเป็นสามแฉก แต่หมอยังแก้ไขก็ค่อยคลายมา โลหิตออกบ้างเล็กน้อยจางไปแล้ว"

6. หม่อมเจ้ารำเพย ศิริวงศ์ ทรงเริ่มรับราชการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งพระมเหสี เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ ตั้งแต่พระชนมายุได้ ๑๘ พรรษา ทรงได้รับสถาปนา เลื่อนพระยศเป็นพระองค์เจ้า พระราชทานพระนามว่า พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ พระนามว่า พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ [1] ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามเป็น สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๔ สิริรวมพระชนมายุได้ ๒๘ พรรษา ในรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาพระบรมอัฐิเป็น กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ [1] และในรัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนาพระบรมอัฐิเป็น สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

7. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ทรงมีพระราชโอรส-ธิดาทั้งหมด ๔ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์) (พ.ศ. ๒๓๙๖-๒๔๕๓) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี) (พ.ศ. ๒๓๙๘-๒๔๐๖) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี) (พ.ศ. ๒๓๙๙-๒๔๔๓) สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์) (พ.ศ. ๒๔๐๒-๒๔๗๑)

8. ครั้น ณ วันอาทิตย์ขึ้น 4 ค่ำ เดือนสิบ เวลากลางคืน เธอว่าค่อยสบายไอห่างไป นอนหลับได้มาก ตั้งแต่สามยามไปจนถึงสามโมงเช้า ครั้น ณ วันจันทร์ ขึ้นห้าค่ำ เดือนสิบ ตื่นขึ้นอีกเวลาสามโมงเช้า รับประทานอาหารได้ถ้วยฝาขนาดใหญ่ แล้วนั่งเล่นอยู่กับบุตรเล็ก ไอเป็นโลหิตออกมา แล้วก็เป็นโลหิตพลุ่งพล่านมากเป็นที่สุด ออกทั้งทางจมูกทางปาก หลายถ้วยแก้วกระบอก ไม่มีขณะหายใจ พอโลหิตมากแล้วชีพจรทั้งตัวก็หยุดทีเดียวไม่ฟื้นเลย ได้รับประทานจัดการไว้ศพ ในโกศตั้งไว้ที่ตึกต้นสน แต่ตกแต่งตึกเสียใหม่ให้งามดี เพดานและบานประตู บานหน้าต่างปิดลายเงิน ฝาผนังปิดกระดาษลาย และตกแต่งสิ่งอื่นมากพอสมควร ครั้นจะยกขึ้นไปไว้บนพระมหาปราสาท เห็นว่าจะกีดขวางการพระราชพิธีไม่พอที่ แต่เท่านั้นก็ดีอยู่แล้ว ศพจะเอาไว้นาน ต่อเดือนสี่เดือนห้าจึงจะได้เผา เดี๋ยวนี้ก็รับประทานทำบุญต่างๆ มีเทศนาและบังสกุลอยู่เนืองๆ…ที่ให้เป็นอนุเคราะห์แก่ชายจุฬาลงกรณ์ หญิงจันทรมณฑล ชายจุตุรนตรัศมี ชายภาณุรักษีสว่างวงศ์ บุตรแม่เพยทั้งสี่ก็มีบ้าง กระหม่อมฉันคิดขอบบุญขอบคุณท่านทั้งปวงครั้งนี้นั้นหนักหนา แม่เพยตายลงครั้งนี้ เมื่อดูอาการก็ควรจะตายอยู่แล้ว ด้วยป่วยโรคนี้มาตั้งแต่เสาะแสะมาถึงห้าปี ตั้งแต่ปีมะเส็งมารักษาก็หลายหมอหลายยาแล้ว ไม่หาย จึงเห็นว่าถึงคราวที่จะสิ้นอายุตายอยู่แล้ว"