ลักษณะของ MOOCs (Massive Open Online Courses)
by Chonlathan Choolert
1. จุดเด่นของ MOOC การเข้าถึง (Accessiblility) การเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดของ MOOC ไม่จำกัดคุณลักษณะของผู้เรียน ไม่มีการกำหนดอายุของผู้เรียน ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เรียน เพียงแค่สนใจในหัวข้อของชั้นเรียนใด ผู้เรียนก็สามารถเข้าชั้นเรียนรายวิชานั้นๆ ได้ ด้วยความพิเศษนี้ MOOC จึงเป็นที่รวมของผู้เรียนหลากหลายอายุ อาชีพ ประสบการณ์ ผู้เรียนจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ จากคำถาม ข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ผู้เรียนแบ่งปันในชั้นเรียน สิ่งเหล่านี้มีคุณค่าต่อการเรียนรู้และการต่อยอดองค์ความรู้ การปฏิสัมพันธ์ (Interaction) นอกจากการไม่จำกัดจำนวนผู้เรียนที่กล่าวถึงแล้ว การมีส่วนร่วมของผู้เรียนในชั้นเรียน MOOC ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเช่นกัน ผู้เรียนสามารถใช้ MOOC ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ ทั้งการแสดงความคิดเห็น ทั้งการตอบคำถามจากชุดคำถามที่ผู้สอนเตรียมไว้ในขณะสอนหรือดูการบรรยาย ทั้งการทำงานร่วมกันทั้งในระดับกลุ่มย่อย หรือร่วมกันทั้งหมดที่เข้าเรียนในหลักสูตรเดียวกัน ผู้เรียนสามารถนำความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนผ่าน MOOC ไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพในตนเอง (personal enrichment) ให้สูงขึ้นได้มากมายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ยิ่งมีส่วนร่วมมาก ยิ่งได้รับมาก Flipped Classroom คือการผสมผสานระหว่างห้องเรียนออนไลน์ (Online Classes) กับการเรียนแบบ face-to-face Learning เพื่อการกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนตลอดการบรรยาย เพราะรูปแบบของชั้นเรียนและผู้เรียนที่มีความหลากหลาย วิธีการเผยแพร่ความรู้ของผู้สอนก็ต้องออกแบบให้หลากหลายและสอดคล้องกับชั้นเรียนและจำนวนผู้เรียนด้วยเช่นกัน การสอนมีทั้งสอนจากวิดีโอที่อัดไว้ หรือการถ่ายทอดสดแบบ streamimg ตามช่วงเวลา มีการแทรกชุดคำถามไว้เพื่อตรวจสอบความรู้ระหว่างการสอน มีการออกแบบคำถามและการบ้าน ตรวจงานในระบบออนไลน์ มีระบบสื่อสารพูดคุยไว้สำหรับผู้เรียนสอนถามเพื่อนร่วมชั้นหรือสอบถามผู้สอน ทั้งหมดนี้ทำให้ MOOC มีความน่าสนใจ หากผู้เรียนไม่มีสมาธิในการรับฟังการบรรยาย ผู้เรียนจะไม่สามารถมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชั้นเรียนได้ ดังนั้น MOOC จึงกระตุ้นให้ผู้เรียนโฟกัสกับชั้นเรียนมากขึ้น เสรีภาพในการเลือกเรียนรู้ (Freedom) การเรียนผ่านคอร์สแบบ MOOC ส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายทำให้ใครก็ตามที่มีอินเตอร์เน็ตก็สามารถมีเสรีภาพในการเลือกเข้าศึกษาในวิชาที่ตัวเองสนใจได้ เลือกวิธีการเรียน เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ และหากเข้าร่วมกิจกรรม หรือผ่านการทดสอบในแต่ละหลักสูตร ยังมีโอกาศได้ใบประกาศนียบัตรอิเล็กทรอนิกส์หลังจากจบหลักสูตรหรือใช้เพื่อเทียบโอนหน่วยกิจในบางรายวิชาได้อีกด้วย ส่วนค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นเล็กน้อยเป็นค่าใช้จ่ายในการเทียบโอนหน่วยกิต หรือค่าใช้จ่ายในการจัดสอบที่ศูนย์สอบเพื่อยืนยันตนว่าตรงกับผู้เรียนใน MOOC หรือค่าใช้จ่ายในการออกประกาศนียบัตร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นค่าดำเนินการของผู้ให้บริการระบบ MOOC บางรายเท่านั้น
2. MOOC เป็น 3 ชนิดของระบบการจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System, LMS) การแบ่งประเภทของ LMS Coursera ซึ่งจัดเป็น MOOC กำลังขาย 3 ชนิดของ LMSs ใน package เดียวกัน ในบทหนึ่งของหนังสือ Digital Teaching Platforms John Richards แห่ง CS4ED.com โต้แย้งว่า มี 3 ชนิดของ LMSs นี่เป็นวิธีที่ใช้แบ่งประเภท LMS 1. มี LMSs เป็น platforms สำหรับการพัฒนาคอร์ส นี่เป็นที่พวกเราคิดว่าปัจจุบัน LMS เหมือน Blackboard Canvas อย่างไร 2. มีคอร์สออนไลน์แบบเรียนด้วยตัวเอง (self-contained online courses) ซึ่งนักเรียนสามารถเรียนตั้งแต่ต้นจนจบโดยปราศจากครู Richards โต้แย้งว่าประเภทที่ 3 เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ได้แก่ the digital teaching platform ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาและวัตถุเพื่อการเรียนรู้ แต่ได้รับการออกแบบเพื่อใช้โดยนักเรียนในห้องเรียนที่มีครู Coursera เป็น 3 ชนิดของ LMS Coursera เหมือนว่ากำลังเสนอว่า platform สามารถเป็น 3 ชนิดเหล่านี้ของ LMS 1. มหาวิทยาลัยอาจมีนักเรียนเข้าเรียนในคอร์สของ Coursera ซึ่งเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยมีการทดสอบแบบมีการคุมสอบตอนสิ้นสุดคอร์ส แต่ไม่มีคณะของมหาวิทยาลัยมายุ่งเกี่ยวกับนักเรียน นั่นคือ Coursera เป็นคอร์สออนไลน์แบบเรียนด้วยตัวเอง 2. มหาวิทยาลัยและคณะอาจจัดให้ Coursera platform มีคอร์สของพวกเขาเอง ในสถานการณ์นี้ Coursera เป็นเพียง LMS โดยตรงและเผชิญการต่อสู้ของการตลาดกับ Desire2Learn Canvas Blackboard Moodle Drupal ELMS และใครก็ตามสร้าง LMS ใหม่สัปดาห์นี้ 3. มหาวิทยาลัยอาจจัดให้คอร์สของ Coursera เป็นตามที่ Richards เรียก digital teaching platform เป็น LMS หนึ่งที่ประกอบด้วยเนื้อหา นี่เป็นคล้าย MOOC เป็นตำราเรียนที่พูดได้ (MOOC as talking textbook) ที่มีลักษณะเพิ่มพิเศษเล็กน้อย เช่น การประชุมอภิปราย การประเมินอัตโนมัติ ในสถานการณ์เหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าร่วมในคอร์สของ Coursera ที่ดีเยี่ยม อาจจะจัดการกับแหล่งความรู้บางแหล่ง ใช้วีดีโอเพื่อเป็นกิจกรรมในห้องเรียน ในกรณีนี้มหาวิทยาลัยกำลังซื้อวีดีโอและการประเมินด้วยราคาที่เหมือนตำราเรียนหรือเครื่องมือฝึกหัดออนไลน์ ดังนั้นคณะอุทิศเวลาในห้องเรียนเพื่อการสนทนา Socratic การแนะนำโดยเพื่อน หรือสามารถเพียงสอนบางอย่างมากขึ้น อะไรใหม่ สร้าง platform LMS สำหรับครูเพื่อให้มีเนื้อหา ไม่ใหม่ ฉันรู้สึกสนใจในสิ่งที่เพื่อนผู้เชี่ยวชาญของฉันคิดว่าแนวคิดของ the Digital Teaching Platform ใหม่ ในความรู้สึกของฉันคือว่าตามประวัติศาสตร์คอร์ส platform LMS ส่วนใหญ่ไม่มีเนื้อหาหรือหลักสูตรในตัวเป็นจำนวนมาก จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อใช้ในห้องเรียน ไม่ใหม่ คอร์สแบบเรียนด้วยตัวเอง ไม่ใหม่ แต่ระบบมหาวิทยาลัยของรัฐ ไม่ให้ credit สำหรับรูปแบบเหล่านี้ของการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยซื้อห้องเรียนทั้งหมดจากบริษัทเพื่อให้กับนักเรียน นี่ดูเหมือนค่อนข้างใหม่ บริษัทพยายามที่จะผลิต 3 ชนิดของ LMSs ใน platform เดียวกัน นี่ดูเหมือนใหม่สำหรับฉัน นอกจากนี้ดูเหมือนยากที่จะทำได้ดี
3. MOOC – Massive Open Online Course : หลักสูตรออนไลน์ระบบเปิดที่รองรับการเรียนจำนวนมาก ในที่สุดกระแสการจัดการเรียนการสอนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก็ก้าวสู่ยุคระบบเปิด และรองรับการเข้าถึงของผู้เรียนจำนวนมากผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เครือข่ายการสื่อสาร โดยกระแสปัจจุบันที่น่าสนใจก็คือ MOOC หรือ Massive Open Online Course อันเป็นการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนออนไลน์ที่เน้น “ระบบเปิด” อนุญาตให้ทุกคนเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างเสรี และยังรองรับการเข้าถึงได้พร้อมๆ กันจำนวนมาก
4. MOOC คือหลักสูตร (Course) ที่เรียนออนไลน์ (Online) จากระบบที่เปิดให้ใช้งานฟรี (Open) และรองรับผู้เรียนจำนวนมาก (Massive) ผู้เรียนสามารถเชื่อมต่อเข้าไปดูวิดีโอการบรรยาย เข้าไปฝึกปฏิบัติ ทำแบบทดสอบแบบฝึกหัด หรือเข้าไปร่วมสนทนากับผู้เรียนอื่นๆ ได้ MOOC จะเน้นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและมีการสร้างระบบที่ส่งเสริมให้ครูและนักเรียนสามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กันได้มากขึ้น มีการออกแบบที่ช่วยให้ครูสามารถตรวจสอบข้อมูลการเรียนของนักเรียนได้ง่ายขึ้น เช่น คุณครูสามารถเข้ามาดูสถิติได้ว่านักเรียนเข้าดูบทเรียนใดบ้าง